แบบฉบับท่านร่อซู้ลในการครองใจคน 2
  จำนวนคนเข้าชม  31535


ครองใจคน 
ตามฉบับท่านเราะซูล 2


4. พูดจาด้วยถ้อยคำที่สุภาพ  และอ่อนโยน 

          การเจรจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะเสนาะโสต  และใช้คำพูดที่รื่นหู จริงใจ จะมีคนนิยมชมชอบ และประทับใจ ดังคำอาหรับที่ว่า

“  คำพูดที่ออกมาจากใจจะประทับใจผู้ฟังเสมอ และคำพูดที่ออกมาจากลิ้นก็ไม่ไปไกลเกินกว่าหู  ”

อัลลอฮฺกำชับให้คัดสรรคำพูดที่ดี  ที่ไพเราะพระองค์ตรัสกับท่านนบีว่า “และ(มูฮัมหมัด) จงกล่าวแก่บ่าวของข้าเถิดว่า ให้พูดจาแต่สิ่งที่ดี”

และพระองค์ตรัสว่า  “  และพวกเจ้าทั้งหลายจงพูดจากับมนุษย์ด้วยดี  ”

ท่านนบี  ก็ได้ถ่ายทอดคำสอนของอัลลอฮฺโดยท่านได้กล่าวว่า“คำพูดที่ดี  และไพเราะเป็นทาน  ”

บันทึกโดยอิหม่ามอัลบุคอรีย์  และมุสลิม
     

           ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้เสียงดัง  และการตะคอกและหากจะพูดก็ควรคิดก่อนพูด  ควรใคร่ครวญ  และไตร่ตรองให้รอบครอบถึงผลดีและผลเสียของคำพูดที่พูดออกไป  ควรพูดน้อยแต่ได้ใจความ  ดังคติพจน์อาหรับที่ว่า  “คำพูดที่ดี  คือคำพูดที่สั้นและได้ใจความ”

 ท่านนบีกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า

“ท่านจงยึดมั่นในการมีมารยาทที่ดีงาม  และการสงบนิ่งที่ยาวนาน  ขอสาบานด้วยผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในอุ้งพระ หัตถ์ของพระองค์ว่า 

ไม่มีสิ่งใดที่มนุษย์จะประดับประดาตนเองได้ดีไปกว่าสองสิ่งนี้” 

บันทึกโดยท่านอบูยะอฺลา  บัชซาร  และอัลบัยฮะกีย์

           คำพูดไร้สาระที่พูดเอ่ยเอื้อนออกมาโดยไม่ตระหนักถึงผลร้ายของมันได้สร้างความแตกแยก  ร้าวฉานให้กับผู้คนมากมายขนาดไหน  เหตุการณ์ร้ายต่างๆนานที่เกิดขึ้นไม่ว่าโกรธกัน  การแค้นเคืองซึ่งกันและกัน  การทำสงครามระหว่างกันนั้น  คำพูดที่มีบทบาทอยู่ไม่น้อยในการทำให้เหตุการณ์ณืนั้นเกิดขึ้น 

          ท่านร่อซู้ลกล่าวว่า  “ แท้จริงบ่าวจะพูดเพียงคำเดียวโดยไม่ตระหนักถึงพิษภัยของมัน  คำพูดนั้นๆจะพาให้เขาตกนรกซึ่งมีความลึกเท่ากับระยะทางระหว่างทิศตะวันออก  และทิศตะวันตก  ”

           ท่านอับดุลลอฮฺ  อิบนุ  มัสอู๊ดกล่าวว่า “ไม่มีสิ่งใดที่สมควรจะถูกกักขังให้ยาวนานมากไปกว่าลิ้น  จำไว้ว่าการพูดในสิ่งที่ดีงามทั้งมวลดีกว่าการเงียบ และการเงียบดีกว่าการพูดสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งมวล  ”


5. เป็นนักฟังที่ดี  มีมารยาทในการฟัง 

           การตั้งใจฟังใครสักคน  ก็เท่ากับเป็นความสำคัญ  เอาใจใส่สนใจบุคคลที่เรากำลังสนทนาด้วย  เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้พูด  ทำให้เขารู้สึกถึงความสำคัญของตนเอง  นั่นย่อมสร้างความประทับใจให้แก่เขา  ท่านร่อซู้ลเป็นนักฟังที่ดีเยี่ยม  ท่านจะสนใจฟังอย่างแท้จริง  ท่านอิบนุกะซีร  กล่าวว่า ท่านร่อซูล  กล่าวว่า

“เมื่อมีคนใดสนทนากับท่านร่อซูลท่านจะหันหน้าและตัวของท่านมาหาผู้นั้น  และจะตั้งออกตั้งใจฟังเขาเป็นพิเศษ

ท่านจะไม่ตัดบทพูดสนทนาของท่าน  จนกว่าคู่สนทนาจะเป็นผู้ตัดบทเสียเอง  ”

ท่านอะฏ็ออฺได้กล่าวว่า

“เมื่อคนใดสนทนากับฉันในเรื่องหนึ่งเรื่องใด ฉันก็จะตั้งใจฟังเขาเหมือนกับว่า ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนั้นมาก่อนที่เขาจะเกิดเสียอีก 

เพื่อให้เขาคิดว่าฉันเพิ่งได้ยินคำพูดดังกล่าวจากเขานั่นเอง  ” 

บันทึกโดยอิหม่ามท่านบุคคอรีย์

 ควรพูดน้อยแต่ฟังให้มากเปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้ระบายความในใจ  และรับฟังอย่างสนใจ  เข้าใจ  และเห็นใจ  ท่านอัลฮะซัน  อิบนุ  อาลี  ได้อบรมลูกหลานของท่านไว้ว่า

          “ โอ้  ลูกเอ๋ย  หากเจ้าคบค้าสมาคมกับผู้รู้แล้ว  ขอให้เจ้าให้ความสำคัญกับการพูด  และจงเรียนรู้ที่จะเป็นนักฟังที่ดีเช่นที่เจ้าจะต้องเรียนรู้ที่จะเป็นผู้นิ่งเงียบที่ดี และอย่าได้ตัดบทสนทนาของใคร  แม้ว่าจะยาวนานขนาดไหน  จนกว่าเขาจะเป็นผู้ตัดบทเสียเอง ”


6. ให้เกียรติและยกย่อง 

          ท่านร่อซู้ล  ให้เกียรติและยกย่องทุกคนที่มาหาท่าน  ต้อนรับขับสู่เป็นอย่างดีโดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ  บางครั้งท่านจะใช้เสื้อคลุมของท่านรองรับผู้มาเยือน  หรือสละเบาะที่นั่งของท่านเพื่อให้เกียรติผู้มาเยือน  ไม่ว่าผู้นั้นจะมีฐานะหรือไม่มีฐานนะ  จะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่  ท่านกล่าวว่า

“ผู้ที่ไม่เคารพยกย่องผู้อาวุโสของเรา ไม่เอ็นดูเมตตาเด็กเล็กของเรา 

ไม่ให้เกียรติและไม่รู้ถึงสิทธิที่พึงปฏิบัติต่อผู้รู้ของเรา ผู้นั้นก็ไม่ใช่พวกของเรา"

บันทึกโดยอิหม่ามอะหมัด

         การให้ความเคารพยกย่องผู้อื่น  หมายถึงเคารพความคิดเห็นของเขา  แม้ว่าความคิดเห็นนั้นอาจจะขัดหรือตรงกันข้ามกับความคิดเห็นของเรา  ควรหลีกเลี่ยงการโต้แย้งและการดูหมิ่นความคิดเห็นของผู้อื่น  อย่าได้คิดว่าผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับท่านคือศัตรูของท่าน


7. เอาใจใส่ความรู้สึกของผู้อื่น 

          โดยธรรมชาติแล้ว  คนเราจะรู้สึกเอนเอียงและผูกพันกับคนที่เข้าอกเข้าใจ   และมองเขาในแง่ดี  ฉะนั้นการเอาใจใส่ต่อความรู้สึกของผู้อื่น  การไถ่ถามถึงทุกข์สุขของเขา  เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างความประทับใจให้แก่เขา  ซึ่งแน่นอนเขาจะตอบแทนเราด้วยความรักและความยกย่องนับถือ  ท่านรอซู้ลเป็นผู้ที่เอาใจใส่อย่างแท้จริงต่อทุกรายละเอียดของพี่น้องมุสลิม  ท่านจะติดตามไถ่ถามถึงทุกขืสุขของพวกเขา  แม้ว่าท่านจะมีภารกิจมากมายเพียงใดก็ตาม  ท่านญาบิร อิบนิ  อับดิลลาฮิ  เล่าว่า  ฉันแต่งงานกับหญิงม่ายคนหนึ่ง  ต่อมาท่านรอซู้ลได้ถามฉันว่า

       โอ้ญาบิร  ท่านแต่งงานแล้วหรือ  ฉันตอบว่า  ใช่ครับ  ท่านถามต่อไปอีกว่า  เป็นสาวหรือเป็นม่าย 

       ฉันตอบว่า  ม่ายครับ  ท่านรอซู้ล  จึงเอ่ยขึ้นว่า  ท่านน่าจะเลือกสาวโสดเพื่อที่จะได้หยอกล้อกับนางได้  และนางก็จะได้หยอกล้อกับท่านได้ 

       ฉันตอบว่า  ท่านรอซู้ลครับ  (ที่ผมไม่ทำเช่นนั้นก็เพราะว่า)  อับดุลลอฮ์(บิดาของผม)ตายไป ทิ้งลูกสาวไว้เก้าคน  บางรายงานระบุว่าเจ็ดคน  ผมเลยไม่อยากที่จะเลือกหญิงที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ  ผมเห็นว่าหากผมเลือกหญิงที่สามารถดูแล และอบรมพวกเธอได้น่าจะดีกว่า

ท่านรอซุ้ล  จึงกล่าวว่า  ท่านทำดีแล้ว  ขออัลลอฮฺทรงให้ความจำเริญบารอกะฮฺแก่ท่าน  ”

บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม      

ท่านอัลดุลลอฮฺ อิบนิ มัสอู๊ด รายงานว่า ท่านเราะซูล  กล่าวว่า

“  ผู้ใดไม่ใส่ใจต่อความเป็นอยู่ของมุสลิมทั้งหลายแล้ว  เขาก็ไม่ได้เป็นมุสลิม  ”

บันทึกโดยอิหม่ามท่านฮากิม 

          ท่านเราะซูล  ยึดหลักเอาใจเขามาใส่ใจเราในการประพฤติปฏิบัติกับผู้อื่น  อีกทั้งยังสั่งสอนสาวกของท่านเช่นนั้น

           ท่านยาบิรเล่าว่า  ท่านมุอ๊าซ  จะละหมาดอิซาอฺกับท่านนบี  แล้วท่านมุอ๊าซก็จะกลับมานำละหมาดให้กลุ่มชนของท่านโดยอ่านซูเราะฮฺอัลบากะเราะฮฺทั้งซูเราะฮฺในร็อกอะฮฺแรก  เป็นสาเหตุให้ชายคนหนึ่งในแถงละจากการละหมาดญะมาอะฮฺ  และปลีกตัวมาละหมาดคนเดียวจนกลุ่มชนของเขาประนามเขา  และกล่าวหาว่าเขาเป็นมุนาฟิก  ชายผู้นี้ปฏิเสธข้อกล่าวหา  และยืนยันว่าจะร้องเรียนเรื่องนี้ให้ท่านรอซู้ล  ทราบ  เขาได้กล่าวแก่ท่านเราะซูล  ว่า

           “โอ้ร่อซูลุ้ลอฮ์  ครับ  พวกเราทำอาชีพเลี้ยงอูฐเพื่อคอยขนส่งน้ำ  เราทำงานเหน็ดเหนื่อยทั้งวัน  ท่านมุอ๊าซได้เคยละหมาดอิชาอฺกับท่าน  แล้วเขาก็กลับนำมาละหมาดเราด้วยการอ่านซูเราะฮฺอัลบากะเราะฮ์ ท่านรอซู้ลจึงหันไปหาท่านมุอ๊าซ ตำหนิท่านว่า ท่านจะสร้างฟิตนะฮฺด้วยการทำให้ผู้คนออกห่างจากอิสลามกระนั้นหรือ ท่านจงอ่านซูเราะนี่ซิ” “

และอีกรายงานระบุว่า  ท่านอ่านซูเราะฮฺ  อัชชัมชฺ  อัฎฎุฮา  และอัลอะอฺลา” 

บันทึกโดยอิหม่ามอัลบุคอรีย์  และมุสลิม 

 ท่านอบูก่อตาดะฮฺรายงานว่าท่านนบี  กล่าวว่า

          “แท้จริง  ฉันได้นำละหมาดโดยตั้งใจว่าฉันจะละหมาดให้นาน แต่เมื่อได้ยินเสียงเด็กร้อง  ฉันก็รีบละหมาด  เพราะไม่ต้องการที่จสร้างความลำบากใจให้กับแม่ของเด็ก  ” 

บันทึกโดยอิหม่ามอัลบุคอรีย์    

 ท่านอบูฮุรอยเราะรายงานว่า  ท่านเราะซูล  กล่าวว่า

          “เมื่อคนใดในหมู่พวกท่านนำละหมาดก็จงผ่อยปรนในการอ่าน  ( หมายถึงอ่านให้สั้น ) เพราะแท้จริงในหมู่ผู้ละหมาดตามมีผู้อ่อนแอ  ผู้ป่วย  และผู้ชราแต่เมื่อคนใดในหมู่พวกท่านละหมาดคนเดียวก็จงอ่านให้ยาวต่มที่ใจปรารถนา  ”

บันทึกโดยอิหม่ามบุคอรีย์และมุสลิม        


8. ละมุนละม่อม  และอ่อนโยน 

           การปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยความละมุนละม่อมและอ่อนโดนจะก็ให้เกิดความดีงาม  จะทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างคนใกล้ชิดแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น  และจะช่วยสร้างไมตรีจิตแก่ผู้ที่เราต้องการจะสานสัมพันธ์ด้วย  ท่านรอซู้ล  กล่าวว่า

"แท้จริงความละมุนละม่อมอ่อนโยนเมื่ออยู่ในสิ่งใดจะทำให้สิ่งนั้นดีงามขึ้น 

และความละมุนละม่อม อ่อนโยนนั้นเมื่อถูกถอนออกมาจากสิ่งใดจะทำให้สิ่งนั้นเลวลง”

บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม 

 ท่านเราะซูล  กล่าวว่า 

“  แท้จริงอัลลอฮฺทรงเป็นผู้มีความละมุนละม่อมอ่อนโยน  พระองค์ทรงชอบความละมุนละม่อมอ่อนโยนในกิจการทั้งปวง  ”

บันทึกโดยอิหม่ามท่านบุคอรีย์     

และท่านยังกล่าวอีกว่า

“ ผู้ใดที่ขาดความละมุนละม่อมอ่อนโยนผู้นั้นก็ขาดคุณงามความดีทั้งปวง ”   

บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม
     

           เนื่องด้วยความโปรดปราน  และความเอ็นดูเมตตาที่อัลลอฮฺทรงประทานให้แก่ท่านนบีเป็นคนสุภาพอ่อนโยนต่อมวลชน  ทำให้ท่านสามารถครองใจกลุ่มชนที่ไม่เคยชินกับความละมุนละม่อม  อ่อนโยน  และทำให้พวกเขาหันมาห้อมล้อมท่าน  พระองค์ตรัสเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

“ด้วยความเมตตากรุณาของอัลลอฮฺนั่นเอง  เจ้ามุฮัมหมัด  จึงได้สุภาพอ่อนโยนต่อพวกเขา 

และถ้าหากเจ้าเป็นผู้ที่มีมารายาททรามและมีจิตใจที่แข็งกระด้าง แน่นอนพวกเขาย่อมกระเจิดกระเจิงแยกตัวออกไปจากเจ้ากันหมดแล้ว ”

อาละอิมรอน  3. 159

           ด้วยความอ่อนโยนและละมุนละม่อมที่จะหาใครเปรียบมิได้  ท่านนบี  ได้ครองใจประชาชาติของท่านดังประจักษ์ชัดจากเหตุการณ์ณ์ดังต่อไปนี้

           เมื่อชายอาหรับชนบทคนหนึ่ง  ผู้ยังไม่มีประสีประสากับคำสอนของศาสนานัก  ได้ปัสสาวะที่มุมหนึ่งในมัสยิด  บรรดาผู้คนต่างรุมตำหนิและต่อว่าเขา  ท่านรอซู้ลจึงห้ามพวกเขา  และได้สั่งให้เดขาเอาน้ำมาราดปัสสาวะ  และท่านได้กล่าวว่า

 “  พวกท่านถูกส่งมาเพื่อนำความสะดวกง่ายดาย  ใช่เพื่อนำความยากลำบากมา ( แก่ผู้คน )  ”

บันทึกโดยอิหม่ามอัลบุคอรีย์

ท่านอนัส  อิบนุ  มาลิกเล่าว่า

           “ฉันได้รับใช้ท่านนบี  10  ปี  ตลอดระยะเวลานั้น  ท่านไม่เคยบ่นหรือแสดงอาการไม่พึงพอใจเลยแม้สักครั้งเดียว  ท่านไม่เคยที่จะกล่าวตำหนิฉันเลยว่าเหตุใดถึงทำเช่นนั้น  แล้วเหตุใดจึงไม่ยอมทำเช่นนี้  ”  

บันทึกโดยอิหม่ามอัลบุคอรีย์
 

9. อ่อนน้อม  และถ่อมตน 

          การอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นประตูอีกบานหนึ่งที่เปิดทางให้ครองใจคนรอบข้าง  การฝึกฝนตนเองให้วาจาและการกระทำที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน  ทำให้เราห่างไกลจากความแข็งกระด้าง  เย็นชา  หยิ่งผยอง  และอหังการ  ห่างไกลจากการใช้อำนาจบาตรใหญ่  การจองหองลำพองตน ยิ่งเราอ่อนน้อมมากเท่าไหร่  คนก็จะยิ่งรักใคร่และอยากจะเป็นมิตรด้วยมากเท่านั้น  ผู้ที่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน คือผู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเป็นสุข  และเข้ากับทุกคนได้อย่างง่ายดายแม้จะต่างสถานะกัน

 
          ผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตนคือบ่าวของอัลลอฮฺอย่างแท้จริง  เป็นผู้ที่พระองค์ทรงยกย่อง  ให้เกียรติและผู้ที่ยโสโอหังจะไม่ได้รับความดีใดๆเลย  อัลลอฮ์ ตรัสความว่า

 “และบรรดาบ่าวของอัรเราะฮฺมาน(อัลลอฮ์) คือผู้ที่เดินบนหน้าแผ่นดินด้วยความนอบน้อมถ่อมตน (ไม่แสดงอาการยโสโอหัง)”

ท่านเราะซูล  กล่าวว่า

“ทรัพย์สมบัติใดที่ได้ถูกจ่ายเป็นทาน(ซอดะเกาะฮฺ)จะไม่ให้หายพร่องไปไหน 

และอัลลอฮฺจะทรงเพิ่มพูนเกียรติอันสูงส่งให้แก่บ่าวที่ให้อภัย

และผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตนเพื่ออัลลอฮฺ  พระองค์จะทรงยกย่องให้เกียรติเขา”

 บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม  อัตติรมิซีย์และอะหมัด

          การอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นรากฐานสำคัญแห่งมิตรภาพ  ความสุข  ความอบอุ่นใจ   ท่านรอซู้ล  กล่าว่า

“แท้จริงอัลลอฮ์ได้ประทานวะฮีย์ให้ฉันนอบน้อมถ่อมตน  จนกระทั้งไม่ให้มีการโอ้อวดเหยียดหยาม  และการอธรรมต่อกัน”

บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม     

         แม้อัลลอฮ์จะทรงให้ท่านร่อซูล  อยู่ในฐานะสูงสุด  มีความสมบูรณ์แบบทุกๆด้าน  และพ้นจากความผิดและมลทินทั้งมวล  แต่ท่านก็ยังมีความนอบน้อมถ่อมตนมากกว่าผู้คนทั้งหมด  ท่านจะให้ผู้คนนั่งข้างหลังท่านเมื่อท่านอยู่บนพาหะนะ  ท่านจะแบ่งเบาภาระของคนในครอบครัวด้วยการช่วยเหลืองานบ้าน  เมื่อท่านหญิงอาอิซะฮฺถูกถามว่า

 “ ท่านรอซู้ล  ปฏิบัติเช่นไรขณะอยู่ในบ้านกับครอบครัวของท่าน 

เธอตอบว่า  ท่านจะร่วมช่วยเหลืองานบ้าน  และเมื่อถึงเวลาละหมาดท่านก็จะไปทำละหมาด  ”

บันทึกโดยอิหม่ามท่านบุคอรีย์


อีกรายงานหนึ่งมีผู้ถามเธอว่า “  ท่านรอซู้ล  ร่วมทำงานบ้านบ้างหรือไม่  

เธอตอบว่า ใช่  ท่านจะซ่อมรองเท้าของท่าน  จะเย็บเสื้อผ้าของท่าน  และจำทำงานบ้านเหมือนกับที่คนใดในพวกท่านทำ  ”

บันทึกโดยอิหม่ามอะหมัด

          และเมื่อชายคนหนึ่งได้เผชิญหน้ากับท่านรอซู้ลในวันกลับสู่มักกะฮ์  เขารู้สึกตกใจมาก  และกล่าวกับเขาว่า

“  ใจเย็นๆไม่ต้องตกใจ  แท้จริงฉันเป็นเพียงลูกชายคนหนึ่งที่มาจาก ( เผ่า ) กุเรช

ที่เธอกินเนื้อเค็มหรือขนมปังแข็งเป็นอาหารเท่านั้น  หมายถึงเป็นสามัญชนธรรมดา  ”

           ท่านเราะซูลจะทักทายและให้สลามแม้กระทั้งเด็กเล็กๆท่านอนัสเล่าว่า “ท่านรอซู้ลเคยมาเยี่ยมชาวอันศรและจะให้สลามแก่ลูกหลานของพวกเขาและลูกศรีษะเด็กๆเหล่านี้  ”

           เมื่อท่านเราะซูลจับมือทักทายกับใครท่านจะไม่ปล่อยมือจนกว่าชายผู้นั้นจะจับมือด้วยจะปล่อยมือก่อนและเมื่อท่านสนทนากับผู้ใด  ท่านจะมองหน้าชายผู้นั้นจนกว่าชายผู้นั้นจะหันมองไปทางอื่น
 

บรรดาซอฮาบะฮฺของท่านนบีก็เจริญรอยตามท่านในการอ่อนน้อมถ่อมตน  ดังเหตุการณ์ต่อไปนี้

         1. ขณะที่ท่านซัยดฺ อิบนุ ซาบิตนั่งอยู่บนหลังม้า  ท่านอับดุลลอฮฺ  อิบนุ อับบาสได้เดินเข้ามาหาเพื่อที่จะจูงม้าให้ท่าน  ท่านซัยดฺ บอกว่า  อย่าเลยโอ้ผู้ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านรอซู้ลท่านอับดุลลอฮฺจึงตอบกลับไปว่า  เราถูกใช้ให้ปฏิบัติเช่นนี้ ( ให้เกียรติ ยกย่อง ) แก่ผู้รู้ทั้งหลาย  ท่านซัยดฺ อิบนุ ซาบิต จึงจับมือท่านอับดุลลอฮฺและจูบมือท่านพลางกล่าวว่า  และเช่นกันเราถูกใช้ให้ยกย่องและให้เกียรติแก่วงค์วานของท่านรอซู้ล

         2. ท่านอุรวะฮฺ  อิบนุซ  ซุบัยร เล่าว่าฉันเห็นท่านอุมัร อิบนุล คอฏฏ็อบ  แบกน้ำบนบ่าของท่านฉันจึงถามท่านว่า  ท่านไม่สมควรทำเช่นนั้น ( เพราะในขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งเป็นอะมีรู้ลมุอฺมินีน ผู้นำสูงสุดของบันดามุมิน ) ท่านอุมัรกล่าวว่าเมื่อฉันเห็นคณะทูตานุทูตทั้งหลายต่างแหกันมาหาฉันด้วยความนอบน้อมและเชื่อฟัง  ฉันรู้สึกลำพองตนขึ้นมาทันใด  ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องหักห้ามมันเสียก่อนที่มันจะทำให้ฉันหยิ่งผยอง  แล้วท่านอุมัรก็เดินแบกน้ำไปยังหลังบ้านหนึ่งของหญิงสาวชาวอันศอร  แล้วเทน้ำลงในโอ่งของบ้านหลังนั้น
 
         3. มีผู้ที่เห็นท่านอบูฮุรอยเราะฮฺขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นข้าหลวงของเมืองมาดีนะฮฺเดินแบกฝืนอยู่บนหลัง  พลางเอ่ยว่า ขอทางให้ข้าหลวงหน่อย  ท่านฮะซันอัลฮะซัน  อัลบัศรีย์  ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ ตาบิอีนผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวว่า

“พวกท่านทราบไหมว่า ความอ่อนน้อมถ่อมตนคืออะไร คือการที่ท่านมองว่าทุกคนที่ท่านพบนอกบ้านนั้นล้วนมีบุญคุณต่อท่าน”

ท่านอิหม่ามซาฟีอีย์กล่าวว่า

“  ผู้ที่มีเกียรติยิ่งคือ ผู้ที่ไม่เห็นตนสูงเกินกว่าผู้อื่น และผู้ที่ปฏิเสธยิ่ง คือผู้ที่ไม่เห็นว่าตนประเสริฐกว่าผู้อื่น”

 

จากหนังสืองานวะลีมะฮ์

ติดตาม ครองใจคน ตอนที่  3 >>>>Click