การปรากฏตัวของอิหม่ามมะห์ดีย์
  จำนวนคนเข้าชม  45673

 

การปรากฏตัวของอิหม่ามมะห์ดีย์


แปลและเรียบเรียง อ.อิหฺซาน มีผลกิจ


           เรื่องเกี่ยวกับอิหม่ามมะห์ดีย์ มีรายงานหะดีษมากมายที่ท่านนบี  ได้กล่าวว่า ยุคสุดท้ายของดุนยานี้ จะมีอิหม่ามมะห์ดีย์ เกิดขึ้น ซึ่งหะดีษต่างๆที่รายงานในเรื่องนี้ บางหะดีษก็เป็นหะดีษที่ศอเฮี้ยะ บางหะดีษก็เป็นหะดีษที่ฎออีฟ และบางหะดีษก็เป็นสิ่งที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา แต่ในภาพรวมสำหรับเหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับเรื่องการปรากฏตัวของอิหม่าม มะห์ดีย์นั้น จะได้มาจากการรายงาน หะดีษมุตะวาติร (รายงานจากหลายกระแสที่ตรงกัน)


           อิหม่ามอบู ฮะซัน อัล- อิบรีย์ ได้กล่าวว่า มีรายงานหะดีษมากมายที่ได้กล่าวว่า อิหม่าม มะห์ดีนั้น เป็นผู้ที่อยู่ในสายตระกูลของท่านนบี เขาจะมาทำหน้าที่เป็นผู้นำถึง 7 ปี จะมาทำให้คุณธรรมเกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินนี้ ขณะเดียวกัน ท่านนบี อีซา ก็จะลงมาจากฟากฟ้า ท่านจะมาช่วยอิหม่ามมะห์ดีย์ กำจัดดัจญาลและท่านนบีอีซา จะละหมาดตามหลังอิหม่ามมะห์ดีย์ (จากหนังสือ ของอิบนิ ก็อยยิม)


           เรื่องราวเกี่ยวกับอิหม่ามมะห์ดีย์  มีบรรดาศอฮาบะฮฺ มากกกว่า 20 ท่าน ที่ได้ทำการจดบันทึกไว้ซึ่งรวบรวมอยู่ในตำราต่างๆ มากกว่า 30 เล่ม เช่น ซุนัน ทั้ง 4 /มุสนัด อิหม่าม อะหมัด /มุชตัดร็อก อิหม่าม ฮากิม / ศอเฮี๊ยะ อิบนิ ฮิบบาน /มุซอนนิฟ อิบนิ อะบีย์ ซัยบะต์ / ศอเฮี๊ยะ อิบนิ คุชัยมะต์ / มะอาญิม ตอบรอนีย์ และจากตำราอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับศอเฮี๊ยะ ทั้ง 2 ของอิหม่าม บุคคอรีย์ และอิหม่ามมุสลิมนั้น ไม่ปรากฏจากตัวบทที่พูดถึงเรื่องอิหม่าม มะห์ดีย์เป็นการเฉพาะ แต่จะกล่าวโดยภาพรวมซึ่งในศอเฮี๊ยะมุสลิมจะพูดถึงอิหม่ามมะห์ดีย์ควบคู่ไปกับเรื่องการลงมาจากฟากฟ้า ของท่านนบีอีซา

          มีนักวิชาการหลายท่าน ที่ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับท่านอิหม่ามมะห์ดีย์ไว้ เป็นเรื่องเฉพาะ เช่น ท่าน อิหม่าม ฮาฟิซ อบีนะอีม / อิหม่าม ซุยูตี – อิบนิกะซีร / อิบนิ ฮะญัร อัล – มักกีย์ / หนังสือศอเฮี๊ยะมุสลิม ใน  كتاب الايمان ได้กล่าวถึงเรื่อง อิหม่ามมะห์ดีย์ โดยมีรายงานจากท่าน อบู ฮุรอยเราะฮ์ ว่า ท่านนบี  ได้กล่าวว่า

“ท่านทั้งหลายมีความเห็นเป็นเช่นไร หากว่า อิบนิ มัรยัม (ท่าน นบี อีซา) จะลงมาจากฟากฟ้า และผู้นำท่านก็มาจากพวกท่าน”

          ในบางริวายะฮฺ รายงานว่า  امامكم منكم   “ผู้นำพวกของท่านมาจากพวกท่าน”  ท่านอิบนิ อะบี ซิอบะต์ ได้อธิบายฮะดีษดังกล่าวนี้ว่า หมายถึง จะมานำพวกท่านทั้งหลาย โดยใช้กุรอานของออัลลอฮฺ และซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮำหมัด เป็นทางนำ


         มีหะดีษบทหนึ่ง จากท่านอิหม่ามมุสลิม ได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า  มีรายงานจากท่าน ญาบิร ได้ยินท่านร่อซูล   ได้กล่าวว่า

“จะมีชนกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉันที่ยังคงสู้ต่อไป เพื่อให้สัจธรรมปรากฏขึ้น จะกระทั่งถึงวันกิยามะห์

ท่านนบี ได้กล่าวต่อไปอีกว่า และอีซา อิบนิ มัรยัม ก็จะลงมาจากฟากฟ้า

และผู้นำของพวกเขา ก็จะกล่าวแก่ นบีอีซา ว่าเชิญท่านมาเป็นอิหม่ามนำละหมาดพวกเราเถิด

ท่านนบีอีซา ตอบว่า ไม่ได้หรอก เพราะพวกท่านทั้งหลายนั้นต่างก็มีผู้นำอยู่แล้ว ที่อัลลอฮฺ ได้ทรงให้เกียรติ สำหรับประชาชาตินี้”

 

         คำว่า “ผู้นำ” ที่ถูกระบุในหะดีษนี้ ก็คือ อิหม่ามมะห์ดีย์ นั่นเอง เพราะมีรายงานหะดีษ ที่ปรากฏอย่างชัดเจน (ว่าคือ อิหม่ามมะห์ดีย์ ) ในสายสืบของท่านฮาริษ บิน อะบี อุซามะต์ โดยรายงานมจากท่านญาบิร บิน อับดุลลอฮฺ ซึ่งท่านนบี  ได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า

 “อีซา อิบนิ มัรยัม จะลงมา (จากฟากฟ้า) และผู้นำพวกเขา คือ อิหม่ามมะห์ดีย์ จะกล่าวกับอีซาว่า ขอเชิญท่าน มานำละหมาดพวกเราเถิด

อีซากล่าวว่า  ไม่หรอก แท้จริงพวกเขาก็มีผู้นำซึ่งกันและกันที่อัลลอฮฺ ทรงให้เกียรติ แก่ประชาชาตินี้อยู่แล้ว”

ท่านอิหม่าม อิบนิ ก็อยยิม ได้กล่าวว่า หะดีษดังกล่าวนี้เป็นหะดีษที่มีสายสืบดีมาก


          ทั้งหมดที่ได้นำเสนอมานี้ต้องการ ชี้แนะให้เห็นถึงสิ่งที่ปรากฏอยู่ในซุนนะฮฺของท่านนบี ดังนั้น ผู้ใดที่มีความต้องการทีจะทราบในรายละเอียดเพิ่มเติมมากกว่านี้ ก็สามารถที่จะค้นคว้าจากตำราต่างๆมากมาย ที่ได้พูดถึงเรื่องราวของอิหม่ามมะห์ดีย์ มีรายงานหะดีษ ที่สายสืบศอเฮี๊ยะ ที่ท่านนบี ได้กล่าวว่า

           “อัล-มะฮฺดีย์ คือผู้ที่มาจากวงศ์วานของฉัน อัลลอฮฺ จะทรงให้สิ่งที่ดีงามกับเขาในคืนนี้ อัล-มะห์ดีย์ สืบเชื้อสายมาจากท่านหญิง ฟาฏิมะต์ หากดุนยาแห่งนี้จะไม่เหลือเวลาอีกแล้ว นอกจากเพียงวันเดียว อัลลอฮฺ ก็จะทรงให้วันนั้นยาว เพื่อที่พระองค์จะทรงส่งคนหนึ่งจากวงศ์วานของฉัน หรือจากครอบครัวของฉัน ชื่อของเขา จะตรงกับชื่อของฉัน และชื่อบิดาของเขา ก็จะตรงกับชื่อบิดาของฉัน เขาจะมาสร้างความยุติธรรมให้เต็มผืนแผ่นดินนี้ ดังที่แผ่นดินนี้ได้เต็มไปด้วยความอธรรมและการข่มเหง”

           อัล-มะฮฺดีย์ มาจากวงศ์วานของฉัน เขาจะมีหน้าผากกว้าง จมูกโด่ง เขาจะมาสร้างความยุติธรรมให้เต็มผืนแผ่นดิน ดังที่แผ่นดินนี้ได้เต็มไปด้วยความอธรรมและการข่มเหง

 

          หากจะถามบรรดา ก็อดยานีย์ ทั้งหลายว่า มิรซา ฆุลามอะหมัด ที่อ้างตนเองว่าเขาคือ อิหม่ามมะห์ดีย์ นั้น มีสักหนึ่งหรือสองลักษณะหรือไม่ ที่ตรงตามสิ่งที่ท่านนบี ได้บอก ? คำตอบ.. ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า มิรซา ฆุลามอะหมัด นั้นไม่มีลักษณะใดๆ เลย จากลักษณะของ อิหม่ามมะห์ดีย์ ที่ ท่านนบี  ได้กล่าวไว้ในหะดีษ

1. เขาไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่ในครอบครัวของท่านนบี

2. เขาไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากท่านหญิง ฟาฏิมะห์

3. เขาไม่มีอำนาจใดๆเลย ที่จะทำให้โลกเกิดความยุติธรรม

4. ไม่ปรากฏว่า ท่านนบีอีซา นั้น ได้มาละหมาดตามหลังเขา

5. ยังไม่เห็นมีการหัก หรือทำลายไม้กางเขน ฆ่าสุกร ปลอดภาษี หรือมีการฆ่าดัจญาลแต่ประการใด


          ก็อดยานีย์ สรุปรวบรัด กล่าวอ้างไปได้อย่างไร ? ว่า มิรซา ฆุลามอะหมัด นั้น คือ อิหม่าม มะห์ดีย์ ทีถูกรอคอย และคือมะเซี๊ยะ อีซา ที่ถูกสัญญาว่าจะกลับมา เพราะยังไม่มีอะไรเลย ในตัวของมิรซา ที่ตรงกับการบอกเล่าของท่านร่อซูล  จากหะดีษศอเฮี๊ยะ ถึงลักษณะของอิหม่ามมะห์ดีย์ หนักยิ่งไปกว่านี้คือ ก็อดยานีย์ ได้อ้างอย่างไม่ลืมหูลืมตาอีกว่า มิรซานั้นได้รับวะฮีย์จากอัลลอฮฺ เพื่อที่จะนำพาประชาชาติ ไปสู่สิ่งที่สมบูรณ์ที่สุด

          ลัทธิก็อดยานีย์ นั้นอยู่กับการหลงทาง พวกเขายึดมั่นต่อหะดีษที่ฎออีฟ และได้อธิบายความหมายหะดีษ บิดเบือน ปะปน กันอย่างเละเทะ เหมือนกับที่พวกเขาได้เคยปฏิบัติในเรื่องการแปลอัลกุรอาน มาแล้ว พวกเขาได้อ้างว่า แท้จริงมะลาอิกะฮฺ และญิบรีลจะลงมายังบรรดาผู้ศรัทธา ในค่ำคืนลัยละตุลกอดรฺ ดังนั้นพวกเขา จึงยึดถือเป็นหลักฐานสำคัญว่า “แท้จริง มิรซา ฆุลามอะหมัด ผู้นำของเขา ได้รับวะฮีย์ที่มาจากมะลาอิกะฮฺ”

มันไม่เป็นการตีความที่เหลือเชื่อ และโกหกมากไปหน่อยหรือ ! ซุบฮานัลลอฮฺ......

         ลัทธิก็อดยานีย์ ได้กล่าวว่า ประชาชาติอิสลามไม่เข้าใจอิสลามอย่างแท้จริง แต่ มิรซา ฆุลามอะหมัดนี่แหละ ที่นำเอาสิ่งที่เป็นความจริงมาเผยแพร่ แต่ในที่สุดก็ประจักษ์ชัดแล้วว่า เขาเองต่างหากที่นำพามุสลิมออกไปสู่แนวทางที่หลงผิดมาหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา

          เราขอให้พวกก็อดยานีย์ทั้งหลายพิจารณาดูว่า อัลลอฮฺ ทรงแต่งตั้ง ท่านนบีมายังประชาชาติ นำพาผู้คนออกจากความมืดสู่แสงสว่าง ท่านร่อซูล  ใช้เวลาเพียงระยะหนึ่งไม่ถึงศตวรรษ ก็สามารถทำให้ประชาสมาคมโลกหันเข้ามารับนับถืออิสลามกันเป็นหมู่เหล่า ผู้ที่มีเกียรติที่ปฏิบัติตามสิ่งที่อิสลามได้นำมาเขาก็ได้รับเกียรติจากอิสลาม ผู้ที่ต่ำต้อยที่เข้ารับนับถืออิสลาม ก็ได้รับการปกป้อง และคุ้มครอง

          หันกลับมาดู มิรซา ฆุลามอะหมัด ซึ่งเขาได้ สถาปนาตัวเองว่า คือผู้นำลัทธิ ก็อดยานีย์ มาเป็นระยะเวลามากกว่าหนึ่งศตวรรษ อยากทราบว่า มีอะไรที่มีเกียรติศักด์ศรี กลับมาสู่อิสลามบ้าง ความยุติธรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้ ขณะนี้อยู่ ณ ที่ใดบ้าง ?  ก็อดยานีย์ได้ประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่า มิรซา ฆุลามอะหมัดนั้น มีความประเสริฐเหนือกว่าท่านนบีอีซา อิบนิมัรยัม ดังที่ มิรซา ฆุลามอะหมัด ได้กล่าวว่า

          “แท้จริง อัลลอฮฺ ทรงแต่งตั้งมะเซี้ยะที่ถูกสัญญา (มิรซา ฆุลามอะหมัด) มายังประชาชาตินี้ เขามีเกียรติ มีตำแหน่งที่สูงกว่า มะเซี้ยะ คนที่ผ่านมา (นบีอีซา) และฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ว่าหากนบีอีซา ปรากฏในช่วงเวลานี้ เขาจะไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เหมือนกับสิ่งที่ฉันทำได้เลย”(จากหนังสือ الخزائن الروحانيةเล่มที่22 หน้าที่ 152 เป็นคำปาฐกถาของผู้นำก็อดยานีย์ คนที่ 4 )

          เราเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า อะไรที่ มิรซา ฆุลามอะหมัด ที่ได้ดำเนินการไปแล้วดีกว่าท่านนบีอีซา ? หรือสิ่งที่ได้กล่าวมานั้น หมายถึง การเผยแพร่รายการ ก็อดยานีย์ ผ่านทางโทรทัศน์ดาวเทียม !


         เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1985 กลุ่มก็อดยานีย์ ได้ทำการกล่าวคุตบะต์ ที่มัสยิด อัล-ฟัดล์ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ภายใต้หัวข้อ  هلالاحمدية غراس الانجليزي อะห์มะดียะต์ คือ ผลผลิตของอังกฤษจริงหรือ ? โดยมีบางช่วงบางตอนที่ได้คัดมาจากหนังสือ الخزا ئن الرحانية  เล่มที่ 17 ที่ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของกลุ่มอะห์มะดียะต์ ดังต่อไปนี้

          “ดุนยานี้ ไม่มีใครที่รู้จักฉัน (มิรซาฯ) แต่ผู้ที่รู้จักฉัน คือ ผู้ที่แต่งตั้งฉัน มนุษย์ทั้งหลายมีความผิดและมีความทุกข์มากมายที่พวกเขาต้องการที่จะกำจัดฉัน แต่ฉันคือต้นกล้าที่ผู้มีอำนาจอย่างแท้จริงได้ ปลูกมันขึ้นมา” (หมายถึง อัลลอฮฺ) พี่น้องทั้งหลาย ท่านจงมั่นใจเถิดว่า อัลลอฮฺ จะทรงช่วยเหลือ และทรงอยู่กับเราในทุกๆกิจการ และหากมนุษย์ไม่ว่าผู้ใหญ่ เด็ก ชายหนุ่ม หญิงสาว คนแก่ชราร่วมมือกัน เพื่อขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ ให้พระองค์ ทรงลงโทษฉันให้พินาศ พระองค์จะไม่ทรงตอบรับดุอาอฺดังกล่าวนี้หรอก อัลลอฮฺ จะไม่ทรงทำสิ่งใดนอกจากจะทรงทำให้เป็นไปตามความปราถนาของพระองค์เท่านั้น

ท่านทั้งหลาย อย่าได้อธรรมกับตัวเองเลย แท้จริง ผู้ที่โกหกนั้น ใบหน้าของพวกเขาจะแตกต่างกับใบหน้าของผู้ที่มีสัจจะ อัลลอฮฺ จะไม่ทรงปล่อยสิ่งใดๆ นอกจากพระองค์จะทรงยุติมัน เหมือนกับสิ่งที่พระองค์ได้เคยตัดสินระหว่าง บรรดานบีกับบรรดาผู้ปฏิเสธมาแล้วในยุคอดีต และพระองค์ก็จะทรงตัดสินทุกๆเรื่องในขณะนี้เช่นกัน แท้จริง บรรดานบีของอัลลอฮฺ จะมายังมนุษยชาติในช่วงเวลาที่เหมาะสม และก็จะจากไปด้วยกับเวลาที่เหมาะสม ท่านทั้งหลายจะมีความมั่นใจเถิดว่า ฉัน (มิรซาฯ) จะไม่มายังมนุษยชาติ นอกจากในช่วงเวลาที่เหมาะสม และก็จะจากไปเมื่อเวลาที่เหมาะสมอีกเช่นกัน ขอให้ท่านทั้งหลายอย่าได้ทำการโต้แย้งกับอัลลอฮฺ เลย และท่านทั้งหลายก็ไม่มีความสามารถที่จะทำลายฉัน (มิรซาฯ) ได้หรอก ”


          ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มุสลิมถูกทดสอบมาตลอดทุกยุคทุกสมัย จะมีผู้ที่ออกมาโกหกอ้างตนว่าเป็นนบี แต่ในที่สุด อัลลอฮฺ คือผู้ที่จะทำให้แนวทางของผู้ที่โกหกหลอกลวงทั้งหลายเป็นแนวทางแห่งฟิตนะต์ ที่อยู่แต่ในความหลงผิด อัลลอฮฺ  จะไม่ทรงทำให้การเรียกร้องเชิญชวน ศาสนาของผู้ที่หลงผิดมีความมั่นคง ประสบความสำเร็จ และสิ่งที่ปรากฏชัดจากความเป็นจริงเหนืออื่นใด คือสิ่งที่มาจากศาสดาสุดท้าย นั่นก็คือ ท่านนบี ดังที่อัลลอฮฺ ทรงยืนยันในเรื่องนี้ว่า

 “พระองค์คือผู้ส่ง ร่อซูลของพระองค์ พร้อมกับแนวทางที่ถูกต้องและศาสนาแห่งสัจธรรม

เพื่อที่พระองค์จะทรงทำให้ศาสนาของพระองค์นั้น ประจักษ์ชัดเหนือศาสนาอื่นใดทั้งมวลและเพียงพอแล้ว ที่อัลลอฮฺ ทรงเป็นพยาน”

(อัล-ฟัตหฺ/28)


         บรรดาผู้ที่โกหกหลอกลวงทั้งหลายนั้น เขาจะผูกพันอยู่กับการลวง อำพราง แต่งเติม บิดเบือน ปกปิด ซ่อนเร้น ไม่เปิดเผยความจริงกับประชาชนทั้งหลาย แต่พวกเขาก็จะทำมันได้ไม่นาน เพราะอัลลอฮฺ จะทรงเปิดโปงสิ่งที่พวกเขาทำไว้ทั้งหมด

 


ที่มา อัลอิศลาห์ สมาคม


อ่านต่อ ... >>> C l i c k