การสรรเสริญซอฮาบะฮฺสตรีที่มาจาก “อะฮฺลุ้ลบัยติ”
  จำนวนคนเข้าชม  10250

ثناء بعض أهل العلم على جماعة من الصحابياة من أهل البيت

การสรรเสริญสดุดีของนักวิชาการอิสลาม ต่อบรรดาซอฮาบะฮฺสตรีที่มาจาก “อะฮฺลุ้ลบัยติ”

ตอนที่ 1

ท่านหญิง ฟาฏิมะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา บุตรีของท่านร่อซูล   

มีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ มารดาของบรรดาผู้ศรัทธา ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า :

          “ฉันไม่เคยเห็นใครมีลักษณะนอบน้อมถ่อมตนต่ออัลลอฮฺ มีบุคลิคดีเรียบร้อย และมีลักษณะสงบเสงี่ยม ทั้งขณะลุกขึ้นยืนหรือนั่ง คล้ายคลึงกับท่านร่อซูล ยิ่งไปกว่าฟาฏิมะฮฺบุตรีของท่านร่อซูล  เลย” (บันทึกโดย อบูดาวู๊ด ฮะดีษเลขที่ 5217 และอัตติรมิซีย์ ฮะดีษเลขที่ 3873) และสายรายงานถูกต้องดี

          อบู นุอัยมฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัลฮิลยะฮฺ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 39) ว่า “ส่วนหนึ่งของบรรดาสตรีที่ก้มศีรษะ (นอบน้อม) จากบรรดาผู้บริสุทธิ์ และเป็นผู้ที่กลัวเกรงคือ ฟาฏิมะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา เป็นสตรีที่ตั้งจิตมั่นต่ออัลลอฮฺอย่างแน่วแน่ เป็นก้อนเนื้อที่คล้ายคลึงกับท่านร่อซูล เป็นลูกที่มีความใกล้ชิดสนิทแนบแน่นกับท่านร่อซูลมากกว่าคนอื่นๆ และเป็นลูกคนเดียวที่ท่านยังคงผูกพันกันอยู่ หลังจากที่ท่านได้สิ้นชีวิตไปแล้ว เธอเป็นผู้ที่ไม่ใส่ใจ และไม่ให้ความสำคัญกับโลกดุนยา และความเพริดแพร้วของมัน และเนื่องด้วยโลกดุนยามีความน่าละอาย มีความเสียหายมากมายแอบแฝงอยู่นั่นเอง เธอจึงปลีกตัวออกห่าง ไม่สนใจใยดีกับมัน”

          อัซซะฮะบีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 118-119) ว่า “เธอเป็นผู้นำมวลสตรีในโลกนี้ ในยุคของเธอ เธอเป็นก้อนเนื้อแห่งนบี และเป็นส่วนหนึ่งที่มาจากผู้ที่ถูกคัดเลือก “อุมมุ อะบีฮา” (ขื่อรองของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ) เป็นบุตรสาวของผู้นำมวลมนุษย์ คือ ท่านร่อซูล  “อะบิลกอเซ็ม” (ชื่อรองของท่านนบี) มุฮัมมัด อิบนุ อับดุลมุฏฏอลิบ อิบนุ ฮาชิม อิบนุ อับดุมะนาฟ อัลกุรอชียะฮฺ อัลฮาชิมียะฮฺ และเป็นมารดาของอัลฮะซะนัยนฺ”

          และอัซซะฮะบีย์ ยังได้กล่าวอีกเช่นเดียวกันว่า “แท้จริงท่านนบี  รัก ให้เกียรติและภาคภูมิใจในตัวเธอมาก เธอมีคุณงามความดีมากมาย เธอเป็นผู้ที่มีความอดทน และเคร่งครัดศาสนา มีจิตใจกล้าวขวาง สูงส่ง รักษาจิตใจให้มีความสะอาดบริสุทธิ์ มีความสุภาพเรียบร้อย เป็นผู้สรรเสริญขอบคุณต่ออัลลอฮฺอยู่เสมอ”

          อิบนุ กะซี๊ร ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ” (เล่มที่ 9 หน้าที่ 485) ว่า “เธอ(ฟาฏิมะฮฺ) มีชื่อรองว่า “อุมมุ อะบีฮา” และท่าน(อิบนุ กะซี๊ร) ยังได้กล่าวอีกว่า และเธอเป็นบุตรีคนสุดท้องของท่านนบี  ตามทัศนะที่ทราบกันโดยทั่วไป และเป็นที่แน่ชัดว่า ไม่มีบุตรของท่านร่อซูล  คนใดมีชีวิตอยู่หลังจากท่านนบี ได้เสียชีวิตลงไปแล้วนอกจากเธอ (ฟาฏิมะฮฺ) คนเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เธอจึงได้รับผลบุญมากมาย เพราะเธอได้พบกับการสูญเสียท่านร่อซูล  

อุมมุลมุอฺมินีน ท่านหญิง คอดีญะฮฺ บินตุ คุวัยลิด ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา

          อัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 109-110) ว่า “ท่านคอดีญะฮฺเป็นมารดาของบรรดามุอฺมินผู้ศรัทธา และเป็นผู้นำบรรดาสตรีแห่งโลกในยุคของท่าน เป็นมารดาของบรรดาลูกๆ ของท่านร่อซูล  (นอกจากอิบรอฮีมเท่านั้น) เธอเป็นผู้ที่ศรัทธาอีมานต่อท่านร่อซูล  และเชื่อมั่นในการเป็นร่อซูลุลลอฮฺของท่านก่อนผู้ใดทั้งสิ้น เธอช่วยทำให้ความกังวลที่มีอยู่ภายในจิตใจของท่านร่อซูล  ผ่อนคลายลง และทำให้ท่านมีความเข้มแข็งขึ้นตามมา คุณงามความดีของท่านหญิงคอดิญะฮฺมีมากมาย เธอเป็นหญิงที่มีความสมบูรณ์พร้อมในบรรดาสตรีทั้งหลาย เป็นสตรีที่มีสติปัญญา มีความคิด เป็นสตรีที่สูงส่ง เคร่งครัดศาสนา รักษาจิตใจให้ใสสะอาด มีจิตใจเมตตากรุณา เป็นหนึ่งจากชาวสวรรค์ ท่านนบี  ได้สรรเสริญชมเชยท่านหญิงคอดิญะฮฺ ท่านได้ให้ความรักแก่ท่านหญิงคอดิญะฮฺ อย่างล้ำเลิศ”

          และที่นับเป็นเกียรติแก่ท่านหญิงคอดิญะฮฺที่ได้รับจากท่านร่อซล  คือ ท่านไม่เคยสมรสกับหญิงใดมาก่อนเลย ก่อนที่จะสมรสกับเธอ ท่านร่อซูลลุลลฮฺ มีบุตรกับท่านหญิงคอดีญะฮฺหลายคนด้วยกัน และขณะที่อยู่กับท่านหญิงคอดีญะฮฺ ท่านร่อซูลุลลอฮฺ มิได้สมรสกับใครอีก และท่านร่อซูลุลลอฮฺ ไม่ต้องทุกข์ร้อนอะไรจนกระทั่งเมื่อท่านหญิงคอดิญะฮฺได้ถึงแก่กรรม จากการที่ท่านสูญเสียท่านหญิงไป ท่านร่อซูลได้พบว่าท่านหญิงคอดิญะฮฺนั้น เป็นคู่ชีวิตที่ดีที่สุด และแท้จริง อัลลอฮฺได้ทรงมีคำสั่งให้ท่านร่อซูลแจ้งข่าวดีแก่ท่านหญิง ถึงปราสาทหลังหนึ่งในสวนสวรรค์สำหรับเธอ ที่สร้างมาจากทองคำและเงิน ในปราสาทหลังนั้นจะไม่มีเสียงอึกทึกครึกโครมใดๆเลย และจะไม่ประสบกับความเหน็ดเหนื่อยอันใดเลย

          และจากท่านอิบนุล กอยยิม ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “ญะลาอุลอัฟฮาม” (หน้าที่ 349) ว่า “คุณสมบัติพิเศษของท่านหญิงคอดีญะฮฺ ประการหนึ่งคือ อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ทรงฝากสลามมากับท่านญิบรีล อะลัยฮิสสลาม ไปถึงท่านหญิงคอดีญะฮฺ โดยญิบรีลได้กล่าวว่า :

          “และสิ่ง(สลาม)นี้ ฝากผ่านมาจากอัลลอฮฺ ผู้ทรงนิรันดร์ โดยเฉพาะสิ่ง(สลาม)นี้ ไม่เคยปรากฏแก่ผู้ใดเลยนอกจากท่านหญิงคอดีญะฮฺเท่านั้น”

          ท่านอิบนุล กอยยิม ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า คุณสมบัติพิเศษของท่านหญิงอีกประการหนึ่ง คือเป็นหญิงที่ยอดเยี่ยมแห่งประชาชาตินี้ นักวิชาการมีความเห็นไม่ตรงกันในกรณีที่ว่า ท่านหญิงคอดีญะฮฺ มีความประเสริฐกว่าท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ออกเป็นสามทัศนะด้วยกัน ทัศนะเหล่านั้นไม่แสดงความเห็นใดๆเกี่ยวกับกรณีนี้ และข้าพเจ้า (อิบนุล กอยยิม) ได้ถามเชคของข้าพเจ้า คือ ท่านอิบนุ ตัยมียะฮฺ เราะฮฺมะตุ้ลลอฮิอะลัยฮฺ (เกี่ยวกับเรื่องนี้) ท่านตอบว่า “แต่ละท่านมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัว สำหรับท่านหญิงคอดิญะฮฺ จะคอยปลอบใจ และเป็นกำลังใจให้ท่านร่อซูล  อยู่เสมอ และทำให้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ มีจิตใจเข้มแข็ง ช่วยทำให้ท่านมีจิตใจสงบ ทำให้ท่านช่วยคลายกังวล ท่านหญิงจะเสียสละเงินทองส่วนตัวให้แก่ท่านร่อซูลลุลลอฮฺ และยังได้มีโอกาสอยู่ทันยุคต้นของอิสลาม และท่านหญิงเองต้องทนรับอันตรายที่เกิดขึ้นในเรื่องที่เกี่ยวกับอัลลอฮฺ และเกี่ยวกับท่านร่อซูล  การช่วยเหลือสนับสนุนของท่านหญิงคอดิญะฮฺที่มีต่อท่านร่อซูล  นั้น ท่านหญิงจะให้การช่วยเหลือสนับสนุน และเสียสละทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งไม่ใช่เป็นของผู้ใดเลยนอกจากของท่านหญิงคอดิญะฮฺเท่านั้น

          ส่วนท่านหญิง อาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮานั้น เธอมีบทบาทที่ส่งผลดีเยี่ยมในช่วงท้ายของอิสลาม ซึ่งเธอมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องศาสนา และมีความรู้ความเข้าใจถึงการเผยแพร่ศาสนาให้แก่ประชาชาตินี้ และบรรดาลูกหลานแห่งประชาชาตินี้ ได้รับผลประโยชน์ในสิ่งที่ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ได้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่พวกเขาเหล่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้อื่นไม่มี นอกจากเธอเท่านั้น นี่คือความหมายในคำตอบของท่าน (อิบนุ ตัยมียะฮฺ)

อุมมุลมุอฺมินีน ท่านหญิง อาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา

          ท่านอัซซะฮะบัย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 140) ว่า ท่านนบี  ไม่ได้ทำการสมรสกับหญิงสาวที่ยังไม่เคยผ่านการสมรสคนใดเลย นอกจากท่านหญิงอาอิชะฮฺเท่านั้น และท่านไม่เคยรักสตรีใด เสมือนกับที่ท่านรักท่านหญิงอาอิชะฮฺ และข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีสตรีคนใดในประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัด  จะมีความรู้ดียิ่งไปกว่าท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา

          และในหนังสือ “อัซซิยะริ” เช่นกัน (เล่มที่ 2 หน้าที่ 181) จากอะลีย์ อิบนุ อักมัร ได้กล่าวว่า “เมื่อท่านมัซรู๊ก รายงานฮะดีษจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ท่านจะกล่าวว่า “อัซซิดดีเกาะฮฺ” (อาอิชะฮฺ) บุตรี ของอัซซิดดี๊ก (อบูบักรฺ) ผู้เป็นที่รักยิ่งของผู้ที่เป็นที่รักของอัลลอฮฺ เป็นผู้ที่ทำให้เป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องจากผู้ที่อยู่เหนือชั้นฟ้าทั้งเจ็ดชั้น ได้เล่าฮะดีษให้ฉันฟัง ฉันจะไม่ปฏิเสธสิ่งที่ท่านเล่ามาอย่างแน่นอน”

          ท่านอิบนุล กอยยิม ได้ระบุไว้ในหนังสือ “ญะลาอุลอัฟฮาม” (ในหน้าที่ 351 – 355) ว่า จากคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวโดยรวม พอสรุปได้คือ “ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เป็นที่รักยิ่งของท่านนบี  และท่านนบี ไม่เคยสมรสกับหญิงสาวบริสุทธิ์คนใดเลยนอกจากท่านหญิงเพียงคนเดียว และเคยมีวะฮีย์ประทานลงมาให้แก่ท่านนบี ขณะกำลังนอนอยู่ในผ้านวมของท่านหญิงอาอิชะฮฺ และเมื่อมีอายะฮฺ “อัตตัคยี๊ร” ถูกประทานลงให้แก่ท่านนบีมุฮัมมัด  ก็จะเริ่มต้นที่ท่านหญิงอาอิชะฮฺ และท่านร่อซูลุลลอฮฺ ก็ให้ท่านหญิงเลือก (ว่าจะเอาย่างไร) ดังนั้น ท่านหญิงได้เลือกที่จะอยู่กับอัลลอฮฺ และเลือกที่จะอยู่กับร่อซูลของพระองค์ และบรรดาภรรยาที่เหลือท่านอื่นๆ ของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ก็เลือกดำเนินตามแนวทางของท่านหญิงอาอิชะฮฺเช่นกัน และอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ทรงให้ท่านหญิงพ้นมลทิน เป็นผู้บริสุทธิ์จากการกล่าวร้ายป้ายสีของพวก “อิฟกุ” (พวกุเรื่องเท็จขึ้นเพื่อให้ร้ายป้ายสี) อัลลอฮฺได้ทรงประทานวะฮีย์ลงมายืนยันเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของเธอ และการให้อภัยแก่ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ซึ่งได้ถูกนำมาอ่านตามห้องหับ ตามเฉลียงบ้านของบรรดามุสลิม และถูกนำมาอ่านในเวลาละหมาดของพวกเขาจวบจนกระทั่งถึงวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงยืนยันว่า เธอเป็นคนหนึ่งจากบรรดาสตรีที่มีจิตใจงดงาม เป็นผู้บริสุทธิ์ และพระองค์ได้ทรงสัญญากับเธอที่จะประทานอภัยให้ ทรงสัญญาที่จะประทานริสกีย์ที่มีคุณค่า ทั้งๆที่อยู่ในตำแหน่งอันสูงเกียรตินี้ ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ก็ยังทำตัวนอบน้อมถ่อมตนต่ออัลลอฮฺ โดยที่ท่านหญิงได้กล่าวว่า :

          “และแท้จริง เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวฉันนั้น ไม่มีคุณค่าสำคัญถึงอัลลอฮฺ ต้องทรงประทาน อัลกุรอานลงมาในเรื่องเกี่ยวกับฉันซึ่งก็ได้ถูกนำมาอ่าน”

          บรรดาซอฮาบะฮฺอาวุโส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุม เมื่อมีกิจกรรมทางศาสนาที่เป็นที่สงสัยแก่ท่านเหล่านั้น ก็จะถามท่านหญิงอาอิชะฮฺ ท่านเหล่านั้นก็จะได้พบคำตอบของเรื่องนั้นจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ท่านร่อซูลุลลอฮฺได้เสียชีวิต ณ ที่บ้านของท่านหญิงอาอิชะฮฺ ในวันที่เป็นสิทธิ์ของท่านหญิง (ที่ท่านร่อซูลจะต้องมาอยู่กับเธอ)ได้เสียชีวิตอยู่ในอ้อมกอดของเธอ (ท่านหญิงอาอิชะฮฺ) และร่างของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ได้ถูกฝังอยู่ภายในบ้านของเธอ

ซึ่งครั้งหนึ่งก่อนที่ท่านนบี  จะสมรสกับเธอนั้น มลาอิกะฮฺได้นำรูปของเธอที่ติดอยู่กับผืนผ้าไหมเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาให้ท่านร่อซูลุลลอฮฺดู แล้วท่านได้กล่าวว่า “หากว่าเรื่องนี้มาจากอัลลอฮฺ ก็จงดำเนินการเรื่องนี้ให้สำเร็จลุล่วงด้วย” และบรรดาซอฮาบะฮฺได้เลือกหาของขวัญ (ของฮะดียะฮฺ) ที่คู่ควรในวันสมรสของท่านหญิงอาอิชะฮฺ กับท่านร่อซูลุลลอฮฺ และพวกเขารู้สึกชื่นชมยินดีกับท่านร่อซูล  ต่อการที่ท่านนบีรักที่จะอยู่ใน้บ้านของภรรยาที่ท่านรักยิ่งกว่าใคร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุม อัจญ์มะอีน

อุมมุลมุอฺมินีน ท่านหญิง เซาว์ดะฮฺ บินตุ ซุมอะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา

          ท่านอัซซะฮะบีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 260-266) ว่า “ท่านหญิงเซาว์ดะฮฺ เป็นคนแรกที่ท่านนบี  ทำการสมรสหลังจากที่ท่านหญิงคอดีญะฮฺ ได้ถึงแก่กรรม ท่านหญิงเซาว์ดะฮฺ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับท่านนบีตามลำพังสองคนเป็นเวลาสามปี หรืออาจมากกว่านั้น จนกระทั่งท่านนบีได้มาอยู่กับท่านหญิงอาอิชะฮฺ และท่านหญิงเซาว์ดะฮฺเป็นหญิงที่เป็นผู้นำที่ทรงคุณค่า สูงเกียรติ เฉลียวฉลาด ปราดเปรื่อง เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ และได้เสียสละวันของเธอที่ต้องอยู่กับท่านนบี ให้แก่ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เพื่อเป็นการคำนึงถึงหัวใจของท่านร่อซูล  ”

          ท่านอิบนุล กอยยิม ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “ญะลาอุลอัฟฮาม” (หน้าที่ 350) ว่า “ท่านหญิงเซาว์ดะฮฺเป็นคนมีอายุมาก และท่านนบีก็มีความประสงค์ที่จะเลิกกับนาง แต่ท่านหญิงมีความประสงค์ที่จะอยู่กับท่านนบี และได้เสียสละวันของเธอที่จะอยู่ร่วมกับท่านร่อซูลุลลอฮฺ ให้แก่ ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ดังนั้น ท่านร่อซูลุลลอฮฺ จึงได้อยู่กับท่านหญิงต่อไป และนี้คือ คุณสมบัติที่ดีงามของท่านหญิงเซาว์ดะฮฺ"

          แท้จริง ท่านหญิงมีความปรารถนาที่จะสละวันที่เธออยู่กับท่านร่อซูล  เพื่อเป็นการแสดงความรักต่อท่านร่อซูลุลลอฮฺ เพื่อต้องการความใกล้ชิด และความรักที่มีต่อท่านร่อซูล  และท่านหญิงก็พอใจฐานะของเธอกับท่านร่อซูล  มากกว่า เพราะฉะนั้น ท่านร่อซูล  จึงได้กำหนดวันเวลาไว้ให้แก่ภรรยาของท่าน แต่ละคนโดยเสมอภาค แต่ไม่ได้กำหนดวันไว้ให้แก่ท่านหญิงเซาว์ดะฮฺ ซึ่งท่านหญิงก็ยินดี มีความพึงพอใจต่อเรื่องดังกล่าว และท่านหญิงเองก็ชอบที่จะสร้างความพึงพอใจให้แก่ท่านร่อซูล  เป็นอย่างมากอีกด้วย

อุมมุลมุอฺมินีน ท่านหญิง ฮัฟเซาะฮฺ บินตุ อุมัรฺ อิบนุล ค็อฏฏอบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา

          ท่านอัซซะฮะบีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัซซิยะริ” (เล่มที่ 2 หน้าที่ 277) ว่า “ท่านหญิงฮัฟเซาะฮฺเป็นเกราะกำบังที่เข้มแข็ง เป็นบุตรสาวของ อะมีรุลมุอฺมินีน อะบูฮัฟซิน อุมัรฺ อิบนุล ค็อฏฏอบ ท่านนบี  ได้สมรสกับนาง หลังจากที่ได้พ้นกำหนดเวลา(อิดดะฮฺ) ที่สามีของนางคือ คุนัยส์ อิบนุ ฮุซาฟะฮฺ อัซซะฮะมีย์ ซึ่งเป็นมุฮาญิรีนคนหนึ่ง ได้หย่าขาดไปแล้ว ในปีที่สามแห่งฮิจญ์เราะฮฺศักราช”

          ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ได้กล่าวว่า “ท่านหญิงฮัฟเซาะฮฺ เคยชิงความเป็นหนึ่งกับฉัน ในบรรดาภรรยาของท่านนบี  ”
 

 

  โปรดติดตามต่อใน ตอนที่ 2     >>>Click <<<

การสรรเสริญสดุดีของนักวิชาการต่อซ่อฮาบะฮฺสตรี ที่มาจาก “อะฮฺลุล้ลบัยติ”

 

  

  ประเด็นต่างๆในการศึกษา

ความประเสริฐ และฐานะอันสูงส่งของ “อะฮฺลุ้ลบัยติ”  ณ อะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ