การออกไปละหมาดที่มัสยิดสำหรับมุสลิมะฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  22925

 

การออกไปละหมาดที่มัสยิดสำหรับมุสลิมะฮ์

 

            การอยู่ภายในบ้านและการละหมาดภายในบ้านนั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดสำหรับพวกนาง เพื่อการปกปิด และเมื่อนางออกไปยังมัสญิดเพื่อการละหมาด  ก็จำเป็นที่จะต้องระมัดระวังมารยาทต่างๆ ดังต่อไปนี้
 

           ก. นางจะต้องเป็นผู้ที่ปกปิดด้วยเสื้อผ้า และหิญาบที่สมบูรณ์

           อาอีซะฮ์ รอดิยัลลอฮุอันฮา ได้กล่าวไว้ว่า...

         “พวกสตรีนั้นได้ละหมาดร่วมกับท่านรอซูล หลังจากนั้นพวกนางได้แยกย้ายไปโดยเอาผ้าของพวกนางมาพันตัว ไม่มีใครรู้จักอันเนื่องจากความมืดมิด”

         นางจะต้องออกไปโดยไม่ใส่น้ำหอม เนื่องจากท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวาซัลลัมได้กล่าวไว้ว่า .... 

          “ท่านทั้งหลายอย่าได้ห้ามบรรดาบ่าวหญิงของอัลลอฮฺไม่ให้ไปยังมัสญิดของอัลลอฮฺ และจงให้พวกนางออกไปโดยไม่ใส่น้ำหอม ”

(อะฮฺหมัด และอบูดาวูดรายงาน)

 มีรายงานจากท่านรอซูล  ได้กล่าวไว้ว่า

“สตรีคนใดที่ใส่เครื่องหอม นางก็อย่ามาละหมาดอีซากับเรา”

(อะฮฺหมัด มุสิลม อบูดาวูด และนาซาอีรายงาน)

         และมุสลิมได้เล่าจากไซนับภรรยาของอิบนิมัสอูดว่า ....  “เมื่อคนหนึ่งคนใดมายังมัสญิด ก็อย่าให้นางได้ใส่เครื่องหอม”

 อิมามเซากานีได้กล่าวไว้ใน ไนลุลเอาฏอร เล่มที่ 3 หน้าที่ 140-141 ว่า

         “ในนั้นมีหลักฐานที่บ่งถึงว่าการออกไปยังมัสญิดของพวกผู้หญิงนั้น  แท้จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่ทำได้เมื่อไม่มีสิ่งที่ทำให้เกิดความปั่นป่วน  และสิ่งที่ทำให้เกิดความปั่นป่วน เช่นพวกของหอมที่ติดตามมาด้วย  และท่านได้กล่าวว่า ได้รับหะดีษต่างๆว่า การอนุญาติให้ผู้หญิงออกไปมัสญิดนั้น เมื่อไม่มีสิ่งที่นำไปสู่ความปั่นป่วน  อันประกอบไปด้วยความหอม เครื่องประดับ หรือการตกแต่งใดๆ ”
 

           ค. นางจะต้องไม่ออกไปโดยมีการตกแต่งด้วยเสื้อผ้า และเครื่องประดับ

อุมมุล มุมินีน อาอีซะอฺ รอดิยัลลอฮุอันฮา ได้กล่าวไว้ว่า....

          “หากว่าท่านรอซูล ได้เห็นจากพวกผู้หญิง  ซึ่งสิ่งที่เราได้เห็น แน่นอนที่สุดท่านจะห้ามพวกนางไปยังมัสญิดเหมือนกับที่ลูกหลานของอิสรออีลได้ห้ามพวกผู้หญิงของพวกเขา” 

(บุคอรีและมุสลิม)

           อิมามเซากานีได้กล่าวไว้ใน ในลุลเอาฏอรถึงคำกล่าวของอาอีซะฮ์ที่ว่า........( หากท่านได้เห็นสิ่งที่เราได้เห็น  ) หมายถึงว่าความสวยงามของเสื้อผ้า น้ำหอม เครื่องตกแต่ง และการเปิดเผยและแท้ที่จริงผู้หญิงนั้นควรจะออกไปโดยสวมใส่เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และเสื้อคลุมต่างๆที่หนา

  อิมามอิบนุลเญาซี รอฮิมาฮุลลอฮฺได้กล่าวไว้ในหนังสืออะฮฺกามมุน นิชาอฺ  หน้าที่ 39

           “สมควรสำหรับสตรีที่จะต้องระมัดระวังในการออกไปจากบ้านให้มากที่สุดเท่าที่สามารถกระทำได้ หากนางมีความปลอดภัยในตัวของนาง พวกผู้คนทั้งหลายก็ไม่ปลอดภัยจากนาง แล้วเมื่อนางมีความจำเป็นที่จะต้องออกไป  นางก็ออกไปด้วยการอนุญาติจากสามี ในลักษณะที่ไม่หรูหรา  เดินไปทางที่โล่งไม่เดินไปตามถนน และตลาดต่างๆ ที่มีความแออัด ต้องระมัดระวังการได้ยินเสียงของนาง และเดินไปตามริมทางจะไม่เดินตรงกลางของทาง
 

          ฆ. เมื่อสตรีมีคนเดียว นางจะจัดแถวของพวกนางอยู่หลังของพวกผู้ชาย 

         เนื่องจากหะดีษของอะนัส รอดิยัลลอฮุอันฮุ  ในขณะที่ท่านรอซูล  พาพวกเขาละหมาด  กล่าวว่า 

“ ฉันและเด็กกำพร้าได้ยืนขึ้นอยู่ด้านหลังของท่านและหญิงแก่ได้ยืนขึ้นอยู่ด้านหลังของเรา ”

 (นักรายงานทั้งห้ารายงาน  ยกเว้นอิบนุมาญะฮฺ)

“ฉันและเด็กกำพร้าได้ละหมาดที่บ้านของเราอยู่ด้านหลัง ของท่านนบี และแม่ของอุมมุสุไลยมะฮ์อยู่ด้านหลังของเรา”

(บุคอรีย์ รายงาน)

         และเมื่อมีพวกผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคน แท้จริงพวกนางนั้นจะยืนหนึ่งแถว หรือหลายแถวอยู่หลังพวกผู้ชาย  เพราะว่าท่านนบี ได้จัดให้พวกผู้ชายอยู่หน้าพวกเด็กๆ  พวกเด็กๆอยู่หลัง และพวกผู้หญิงจะอยู่ด้านหลังของพวกเด็กๆ (อะฮฺหมัดรายงาน)

  มีรายงานจาก อบูฮุร็อยเราะฮฺ  รอดิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า ท่านรอซูล ได้กล่าวไว้ว่า

 “แถวที่ดีที่สุดของพวกผู้ชายนั้นคือแถวแรก  และแถวที่ชั่วที่สุดของผู้ชายนั้นคือแถวหลัง

และแถวที่ดีที่สุดของพวกผู้หญิงนั้นคือแถวหลัง และแถวที่เลวที่สุดของพวกผู้หญิงนั้นคือแถวแรก”

(บรรดานักรายงานทั้งห้า ยกเว้นบุคอรีย์)

           ในหะดีษทั้งสองนั้นก็มีสิ่งบ่งบอกว่าพวกสตรีนั้นจะจัดแถวอยู่ด้านหลังของพวกผู้ชาย และพวกนางจะไม่ละหมาดโดยแยกกัน  เมื่อพวกนางได้ละหมาดอยู่ด้านหลังของพวกผู้ชาย  จะเป็นละหมาดที่เป็นฟัรดู หรือละหมาดตะรอเวียหฺก็ตาม
 

          จ. เมื่ออิมามลืมในละหมาดแท้จริงสตรีนั้นก็จะเตือนอิมามด้วยการเอาฝ่ามือของนางข้างหนึ่ง ตบบนฝ่ามืออีกข้างหนึ่ง

ท่านนบี  ได้กล่าวไว้ว่า

“เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นแก่ท่านทั้งหลายในละหมาด ก็ให้พวกผู้ชายกล่าวว่า ซุบฮานัลลอฮฺ และให้พวกผู้หญิงตบมือ”

(อะฮฺหมัดรายงาน) 

           สิ่งนี้เป็นการอนุญาติแก่พวกนางในการตบมือในละหมาดเมื่อมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้น ซึ่งได้แก่การหลงลืมของอิมาม  ทั้งนี้เนื่องจากว่าเสียงของสตรีนั้นมีสิ่งที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนสำหรับพวกผู้ชายอยู่  นางจึงถูกใช้ให้ตบมือ และไม่ให้พูดจา
 

           ง.  เมื่ออิมามให้สลามพวกผู้หญิงจะรีบออกจากมัสญิด และจะเหลือพวกผู้ชายนั่งอยู่  เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ทันผู้เลิกรากลับไปจากพวกนาง  อุมมุสะลามะฮฺได้เล่าว่า

“ แท้จริงพวกผู้หญิงนั้นเมื่อพวกนางได้ให้สลามจากละหมาดฟัรฎู พวกนางจะลุกขึ้น

ท่านรอซูล และพวกที่ละหมาดจากพวกผู้ชายจะพักอยู่เท่าที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์

และเมื่อรอซูล  ลุกขึ้น พวกผู้ชายก็ลุกขึ้น ”

อัซซุรียฺกล่าวว่า  “เราจะเห็นสิ่งดังกล่าว และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้รู้ดีที่สุด ว่าอันนั้นเพื่อให้พวกผู้หญิงได้ผ่านไปหมดก่อน”

(บุคอรีย์ รายงาน) โปรดดู อัซ-ซัรหุ้ลกะบีร  อะลัลมุกเนี๊ยะอฺ เล่มที่ 1  หน้า 422 

           อิมามซากานี ได้กล่าวไว้ในไนลุลเอาฏอร  เล่มที่ 2  หน้า 326  ว่าในหะดีษนั้นมีสุนัตให้อิมามได้ตรวจสภาพของบรรดามะมูม  และการทำเผื่อไว้ในการหลีกเลี่ยง สิ่งที่จะนำไปสู่สิ่งที่ต้องห้าม  และการหลีกเลี่ยงจุดต่างๆ ที่เป็นข้อครหา และไม่ชอบให้มีการปะปนกันระหว่างพวกผู้ชาย กับพวกผู้หญิงตามถนนหนทางต่างๆ ตลอดจนในบ้านเรือนต่างๆด้วย

           อิมามนะวะวีได้กล่าวไว้ในอัลมัจมั๊วอฺ เล่มที่ 3  หน้าที่ 455  ว่า  พวกผู้หญิงจะมีความแตกต่างจากพวกผู้ชายในการละหมาดญะมาอะฮ์ ในหลายสิ่งด้วยกัน

1. ไม่มีการย้ำเน้นแก่พวกนางเหมือนกับที่มีการย้ำเน้นแก่พวกผู้ชาย

2. อิมามของพวกนางนั้นจะอยู่ตรงกลางของพวกนาง

3. หากนางละหมาดคนเดียวนางจะยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายจะไม่ยืนข้างผู้ชาย ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้ชาย

 4. เมื่อพวกนางละหมาดเป็นแถวกับพวกผู้ชายแถวสุดท้ายของพวกนางนั้น เป็นแถวที่ดีกว่าแถวแรกของพวกนาง และการปะปนกันระหว่างพวกผู้ชายกับพวกผู้หญิงเป็นสิ่งที่ต้องห้าม (หะรอม)


          
  ฉ . การออกไปละหมาดอีดของพวกผู้หญิง 

รายงานจากอุมมุอะฏียะฮฺ รอดิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า

 “ท่านรอซูล ได้สั่งเราให้นำพวกนางออกไปในละหมาดอีดิลฟิตรี่ และอีดิลอัฏฮาอันได้แก่

พวกสาวใช้  พวกผู้หญิงที่มีรอบเดือน และพวกเด็กสาว ส่วนพวกผู้หญิงที่มีรอบเดือน พวกนางนั้นจะไม่ละหมาด

และในอีกสำนวนหนึ่ง -จะออกห่างจากละหมาด-  มาเข้าร่วมความดี  และการวิงวอนของบรรดามุสลิม”

(นักรายงานทั้งห้ารายงาน)

อิมามซากานีได้กล่าวไว้ว่า

         “และหะดีษนี้มีความหมายเดียวกันการกำหนดว่าการออกไปยังสถานที่ละหมาดในวันอีดทั้งสองของพวกผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำโดยไม่มีการแยกแยะระหว่างสาวโสด  หญิงหม้าย เด็กสาวหญิงชราผู้หญิงที่มีประจำเดือน และอื่นๆ  ตราบใดที่นางไม่ได้เป็นผู้ที่มีอิดดะฮ์  หรือการออกไปของนางเป็นการสร้างความปั่นป่วน  หรือนางมีอุปสรรค”

(กรุณาดู  ในลุลเอาฏอร เล่มที่ 3  หน้าที่ 306)

 ไซฺยคุลอิสลาม อิบนุไตยมียะฮฺ ได้กล่าวไว้ใน อัลมัจมั๊วอฺเล่มที่ 6  หน้าที่ 458-459 ว่า

          “ท่านได้บอกบรรดาผู้ศรัทธาหญิงว่า การละหมาดของพวกนางภายในบ้านนั้นมันประเสริฐสำหรับพวกนางมากกว่าการละหมาดวันศุกร์ และละหมาดรวมกัน (ญะมาอะฮ์)  นอกจากละหมาดอีดเท่านั้น  เพราะว่าท่านนั้นได้ใช้ให้พวกนางออกไปและเข้าใจว่า   อัลลอฮ์นั้นเป็นผู้รู้ดีที่สุด ว่ามันเกิดจากสาเหตุต่างๆ ต่อไปนี้

หนึ่ง. มันมีอยู่สองครั้งเท่านั้นในแต่ละปี มันจึงถูกรับซึ่งตรงกันข้ามกับการละหมาดวันศุกร์ และละหมาดรวมกัน

      สอง. มันไม่มีสิ่งทดแทน ตรงกันข้ามกับการละหมาดวันศุกร์ และละหมาดรวมกัน เพราะว่าการละหมาดซุรี่ของนางภายในบ้านนั้นมันเป็นากรละหมาดวันศุกร์ของนาง

สาม. มันเป็นการออกไปในทะเลทราย  เพื่อการรำลึกถึงอัลลอฮ์ ซึ่งมันก็มีความคล้ายคลึงกับการประกอบพิธีฮัจฐ์

      ในแง่หนึ่ง และด้วยเหตุนี้อีดใหญ่ในฤดูกาลฮัจญ์นั้น  เป็นการสอดคล้องกับบรรดาผู้ประกอบพิธีฮัจญ์”

          บรรดานักวิชาการมัซฮับซาฟีอีได้กำหนดเงื่อนไขการออกไปละหมาดอีดของพวกผู้หญิง เฉพาะผู้หญิงที่ไม่มีความสวยงามอันเป็นที่ดึงดูด  อิมามนะวะวี ได้กล่าวไว้ในมัจมั๊วอฺ  เล่มที่ 5 หน้าที่ 13  ว่า

 

          อิมามซาฟีอี และบรรดานักวิชาการมัซฮับของท่าน รอฮิมาฮุลลอฮฺได้กล่าวไว้ว่า

          "ควรให้พวกผู้หญิงที่ไม่มีความสวยงามอันเป็นที่ดึงดูดออกไปละหมาดอีด  ส่วนพวกผู้หญิงที่มีความสวยงามอันเป็นที่ดึงดูดนั้นก็ไม่เป็นที่ชอบให้พวกนางออกไป....จนกระทั่งท่านได้กล่าวว่า และเมื่อพวกนางออกไปก็ควรให้พวกนางออกไปโดยสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา  ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่ทำให้นางโดดเด่น ควรให้พวกนางชำระล้างร่างกายด้วยน้ำ ไม่เป็นที่ชอบให้พวกนางใช้น้ำหอม อันนี้เป็นข้อตัดสินของพวกหญิงชราที่ไม่ได้รับความสนใจจากพวกผู้ชาย และอื่นๆ

          ส่วนเด็กสาว หญิงที่มีความสวยงาม และหญิงที่อยู่ในความสนใจของผู้ชายนั้นก็ไม่เป็นที่ชอบให้พวกนางออกไป เนื่องจากในการกระทำดังกล่าวนั้นมีความกลัวในเรื่องของความปั่นป่วน แล้วหากมีใครมากล่าวว่า อันนี้มันค้านกับหะดิษ ของอุมมุอะฏียะฮฺ ที่ได้กล่าวมา เราก็กล่าวว่ามันมีปรากฎอยู่ในซอเหี๊ยหฺบุคอรี และมุสลิม

จากอาอีซะฮฺ รอดิยัลลอฮุอันฮากล่าวว่า 

     “หากท่านรอซูล  ได้รู้ถึงสิ่งที่พวกผู้หญิงได้อุตริขึ้น  แน่นอนท่านจะต้องห้ามพวกนาง เหมือนกับที่สตรีของพวกอิสรอีลถูกห้ามอย่างแน่นอน” 

     และอีกอย่างหนึ่งความปั่นป่วน และสาเหตุแห่งความชั่วช้าในสมั้ยนี้นั้นมีมากมาย ซึ่งตรงกันข้ามกับสมัยก่อน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้รู้ดีที่สุด”

 

          ฉันกล่าวว่า ในสมัยของเรานั้นมันร้ายแรงยิ่งกว่า  อิมามอิบนุลเญาซีย์ได้กล่าววในหนังสือ (อะฮฺกามมุนนิซาอฺ) หน้าที่ 38 ว่า 

         “ ฉันกล่าวว่าเราได้แจกแจงไปแล้วว่า การออกไปของพวกสตรีนั้นเป็นสิ่งที่อนุมัติ แต่ทว่าเมื่อมีการเกรงว่าความปั่นป่วนจะเกิดขึ้นกับนาง หรือจากตัวของพวกนาง การห้ามไม่ให้ออกไปนั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เพราะว่าพวกสตรีในยุคแรกไม่ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่พวกสตรีในสมัยนี้ได้เจริญเติบโตขึ้นมา และพวกผู้ชายก็เช่นเดียวกัน” (หมายถึงว่าพวกเขามีความเคร่งครัดมาก)

 

           จากรายงานต่างๆ ที่ได้นำเสนอมานี้นั้น โอ้พี่น้องมุสลิมะฮ์  เอ๋ย เธอก็จะได้รู้ว่า การออกไปละหมาดอีดของเธอนั้น เป็นสิ่งที่ได้รับการอนุญาติโดยทางบัญญัติ  ด้วยเงื่อนไขของการมีความเคร่งครัดอยู่ในกฏระเบียบ และการปกปิดร่างกายให้มิดชิด และเจตนาเพื่อใกล้ชิดอัลลอฮ์ และการมีส่วนร่วมกับบรรดามุสลิมในการวิงวอนของพวกเขาและทำให้เครื่องหมายของอิสลาม เป็นที่ประจักษ์ และจุดมุ่งหมายของการกระทำดังกล่าวนั้นไม่ใช่การนำเอาเครื่องตกแต่งมาแสดงและการทำให้เกิดความปั่นป่วน ดังนั้นเธอจงระวังในเรื่องดังกล่าว

 


จากหนังสือ"คำเตือนในเรื่องกฎต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบรรดาหญิงผู้ศรัทธา"