หลักฐานการเป็นนะบี และปฏิหาริย์
มุอญิซาต คือ เรื่องราวที่เป็นปฏิหาริย์ และเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในแนวทางของจักรวาลโลก(*1*) ดังนั้น อัลลอฮซุบฮานะฮูวะตะอาลา มิได้ทรงส่งท่านนะบี มาเว้นแต่ที่พระองค์จะทรงให้ท่านมีสิ่งที่เป็นปฏิหาริย์ หรือมีสิ่งที่เป็นมหัศจรรย์อันมากมายที่บ่งชี้ถึงว่าท่านนะบีมุฮัมมัด เป็นนะบีที่ถูกส่งมาจากพระองค์อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา สู่มนุษย์ชาติ ต่อไปนี้จะขอกล่าวถึงความสำคัญของสิ่งที่เป็นปฏิหาริย์ของท่านนะบี และหลักฐานของการเป็นนะบี ของท่าน
มุอญิซาตที่ดำรงอยู่ถาวร
อัลกุรอานุลกะรีม หรือ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน คือ คำดำรัสของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ซึ่งประทานลงมายังท่านนะบีมุฮัมมัด ผู้ที่อ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานนั้นถือว่าเป็นผู้ที่ปฏิบัติอิบาดะฮ์(*2*) และคัมภีร์อัลกุรอานก็เป็นปฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่แก่ท่านนะบีมุฮัมมัด อัลกุรอานได้ชี้นำถึงความยิ่งใหญ่แห่งสาส์นของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อัลกุรอานนั้นได้ถูกประทานลงมายังญินและมนุษย์ทั้งมวล และอัลกุรอานมีความเที่ยงธรรมในทุกกาลสมัย ตราบจนถึงวันกิยามะฮ์
การเผยแพร่ของบรรดานะบีในยุคก่อนๆ ถูกจำกัดอยู่เฉพาะในกลุ่มชนนั้นๆ หรือเวลาและสถานที่ที่ถูกกำหนดไว้ ด้วยเหตุนี้สิ่งที่เป็นปฏิหาริย์ของบรรดานะบีก่อนๆ จึงถูกจำกัดด้วยกาลเวลาและกาลสมัย และสิ่งที่เป็นปฏิหาริย์ที่ได้นำมาแก่ท่านนะบี ในอัลกุรอานนั้นจีรังและยั่งยืน มนุษย์ทุกคนสามารถสัมผัสและรู้สึกได้ตราบจนกระทั่งวันสิ้นโลก
ดังที่ท่านเราะซูล ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า :
مَا مِنَ اْلأََنْبِيَاءِ نَبِيٌّ إِلاَّ أُعْطِيَ مِنَ الآيات مَا مِثْلهُ آمَنَ عَلَيْهِ الْبَشَرُ
وَإِنَّمَا كَانَ الَّذِي أُوتِيتُ وَحْيًا أَوْحَاهُ اللَّهُ إِلَيَّ فَأَرْجُو أَنْ أَكُونَ أَكْثَرَهُمْ تَابِعًا يَوْمَ الْقِيَامَةِ
ความว่า : ไม่มีนะบีคนใดจากบรรดานะบีทั้งหลาย นอกจากจะประทานหลักฐานต่างๆ (แห่งการเป็นนะบี) สิ่งที่คล้ายคลึงกับอัลกุรอานนั้น มนุษย์นั้นก็ได้ศรัทธาต่อบรรดานะบีมาแล้ว และสิ่งที่ฉัน ( นะบี ) ได้นำมานั้นเป็นการวะฮีย์ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ ทรงวะฮีย์ ( ดลใจ )ให้ฉัน และฉัน ( นะบี ) หวังว่าตัวฉันนี้พวกท่านทั้งหลายจะปฏิบัติตามจวบจนถึงวันกิยามะฮ์(*3*)
การที่มีผู้ปฏิบัติตามท่านเราะซูล โดยปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นคำสั่ง(อัลกุรอาน)เป็นประจำ จึงทำให้มีผู้ศรัทธามากขึ้น(*4*) และได้นำมาซึ่งถ้อยคำที่เป็นโวหาร ของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และแนวทางต่างๆ แต่ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ ;
1. |
ถ้อยคำ โวหาร ในด้านภาษาศาสตร์ ซึ่งจะปรากฏอยู่ในคำกล่าวที่ชัดเจน |
|
ถ้อยคำที่ไพเราะของอัลกุรอาน และการเรียบเรียงที่สวยงาม และสำนวนต่างๆ ในอัลกุรอานจะมีอรรถรสแตกต่างกัน เพราะอัลกุรอานนั้นได้ถูกประทานลงมายังสังคมอาหรับ ซึ่งเป็นผู้ที่พูดจาฉะฉาน มีศิลปะในสำนวนคำพูดต่างๆ และความเร้นลับของวาทศิลป์ ชาวอาหรับเป็นกลุ่มชนที่มีวาทศิลป์ที่ดีเยียมที่สุด พร้อมกันนั้นพระองค์อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงท้าทายอาหรับมุชริกีน (พวกปฏิเสธ)โดยให้พวกเขานำสิ่งที่คล้ายคลึงกับอัลกุรอาน(ทั้งเล่ม)มา หลังจากนั้นอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงท้าทายพวกเขาให้นำมาสักสิบซูเราะห์ ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงท้าทายพวกเขาให้นำมาสักหนึ่งซูเราะห์ แต่พวกเขาก็ไม่มีความสามารถ ดังที่อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงกล่าวไว้ในอัลกุรอานตอนหนึ่งว่า :
และหากพวกเจ้ามีการสงสัยใดๆจากสิ่งที่เรา(อัลลอฮ์) ได้ให้ลงมาแก่บ่าวของเราแล้ว ก็จงนำมาสักซูเราะห์หนึ่งเยี่ยงนี้ และจงเชิญชวนผู้ที่อยู่ในหมู่พวกเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์ หากพวกเจ้าเป็นผู้พูดจริง
แต่ถ้าพวกเจ้ายังมิได้ทำและจะไม่สามารถจะทำได้ตลอดไป ก็จงระวังไฟนรก ซึ่งเชื้อเพลิงของมันนั้นคือ มนุษย์และก้อนหิน( เจว็ด ) โดยที่มันได้ถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา” (อัลบะกอเราะห์ 2 : 23 – 24) อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงท้าทายชาวอาหรับด้วยอัลกุรอาน ซึ่งมีแนวทางคล้ายคลึงกับ ปฏิหาริย์ ของบรรดานะบีๆยุคก่อน โดยที่พระองค์ประทานปฏิหาริย์ต่างๆ ให้เหมาะสมต่อเหตุการณ์แก่กลุ่มชนของพวกเขา ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงประทานไม้เท้าให้กับนะบีมูซาอะลัยฮิสลาม ในกลุ่มชนนั้นเป็นที่เลื่องลือในด้านไสยศาสตร์ และให้ท่านนะบีอีซาอะลัยฮิสลาม ทำให้คนที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมา ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และทำให้คนที่เป็นใบ้กลับกลายเป็นพูดได้ และทำให้คนที่เป็นโรคเรื้อนหายจากโรคนั้น ซึ่งท่านได้อยู่ในกลุ่มชนที่ชำนาญทางการแพทย์ (*5*)
|
2. |
อัลกุรอานเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เพราะได้ประมวลไว้ด้วยข้อตัดสินที่สำคัญๆ คำสั่งใช้และข้อห้าม จรรยามารยาท และเรื่องราวต่างๆ ทั้งนี้อัลกุรอานได้เป็นระเบียบขั้นตอน ไม่มีการขัดแย้งกันเลย |
|
ดังที่อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตรัสว่า :
|
3.
|
สิ่งที่ทำให้รู้สึกถึงสัจธรรม สำหรับผู้ที่ได้ฟังอัลกุรอาน ถึงแม้ว่าผู้นั้นจะยังไม่ศรัทธาต่อคัมภีร์อัลกุรอานก็ตาม แต่ได้ส่งผลให้รู้สึกประทับใจเมื่อได้ยิน แม้จะยังมิได้ศรัทธาก็ตาม กี่มากน้อยแล้วที่คนเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามเมื่อได้ฟังอายาตอัลกุรอาน แม้เพียงอายาตเดียว |
ดังนั้น บรรดามุชริกีนในสมัยของท่านนะบี จึงรู้ดีถึงผลสะท้อนอันนี้ ด้วยเหตุนี้พวกเขา(มุชริกีน)จึงได้สั่งห้ามผู้คนมิให้ฟังคัมภีร์อัลกุรอาน และให้ทำเสียงรบกวนผู้ที่ปรารถนาจะฟังอัลกุรอาน ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงตรัสถึงพวกเขาในอัลกุรอานว่า :
ความว่า “และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กล่าวว่า พวกท่านอย่าไปฟังอัลกุรอานนี้เลย แต่จงทำเสียงอึกทึกในขณะนั้น เพื่อว่าพวกท่านจะมีชัยชนะ” (ฟุศศิลัต 41 : 26) พวกมุชริกีนมักกะฮได้ข่มขู่คนที่เข้าสู่นครมักกะฮ์ว่า ท่านนะบีมุฮัมมัด เป็นนักไสยศาสตร์ สามารถที่จะแยกได้ในระหว่างลูกกับพ่อ พี่กับน้อง และสามีกับภรรยา พวกเขากล่าวหาและกล่าวว่าอย่าไปพูดและฟังมุฮัมมัด(*6*) แต่พวกมุชริกีนเหล่านั้นก็ไม่สามารถเอาชนะหัวใจของตนเองได้ เนื่องจากการที่เขาชอบฟังอัลกุรอาน เมื่อพวกเขามีโอกาสที่จะได้ยินคัมภีร์อัลกุรอานนั้น ดังนั้น หลังจากการเกิดสงครามบัดร ท่านญไบยร บินมุฏอิม ได้ไปที่เมืองมะดีนะฮ์ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับเรื่องเชลยศึก ก่อนที่เขาจะเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม เขาได้พูดกับตัวเองว่า ขณะที่ฉันเข้าไปในมัสญิดนั้น ท่านเราะซูล กำลังละหมาดมัฆริบ ท่านเราะซูล ได้อ่านซูเราะฮฏู๊ร ขณะที่ฉันได้ฟังอัลกุรอานอยู่นั้น หัวใจของฉันได้รับรู้ถึงสัจธรรม (*7*)
|
|
4.
|
อัลกุรอานบอกให้ท่านนะบี ทราบถึงเรื่องราวในอดีต กล่าวถึงประชาชาติก่อนๆ และเรื่องราวของพวกเขากับบรรดาเราะซูลของพวกเขาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่ท่านนะบี เป็นคนที่อ่านไม่ออก เขียนไม่เป็น และท่านมิได้เป็นนักเดินทางที่จะรู้ถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ซึ่งกล่าวถึงประวัติโดยย่อ ของท่านหญิงมัรยัมและบุตรชาย คือ ท่านนะบีอีซา อะลัยฮิสลาม |
|
ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตรัสว่า :
ความว่า “นั้นคือส่วนหนึ่งจากบรรดาข่าวคราวอันเร้นลับ ซึ่งเราได้ชี้แจงให้เจ้า(มุฮัมมัด)ได้ทราบ และเจ้ามิได้อยู่ ณ ที่พวกเขา ขณะที่พวกเขาโยนเครื่องเสี่ยงทายของพวกเขา( เพื่อให้รู้ว่า ) ใครในหมู่พวกเขาจะได้อุปการะมัรยัม และเจ้ามิได้อยู่ ณ ที่ที่พวกเขาโต้เถียงกัน” (อาละอิมรอน 3 : 44) หากว่าอัลกุรอานมิได้เล่าเรื่องราวในอดีต ก็จะไม่มีใครได้รู้เลย และเรื่องราวบางอย่างในยุคก่อนๆได้เล่าไว้ในคัมภีร์ก่อนหน้าบ้างแล้ว อัลกุรอานจึงได้มายืนยันเรื่องราวดังกล่าว ดังที่ได้กล่าวไว้ในอัลกุรอานว่า :
ความว่า “แท้จริง ในเรื่องราวของพวกเขานั้นเป็นบทเรียนสำหรับบรรดาผู้มีสติปัญญา มิใช่เป็นเรื่องราวที่ถูกปั้นแต่งขึ้น แต่ทว่าเป็นการยืนยันความจริงที่อยู่ต่อหน้าเขา และเป็นการแจกแจงทุกสิ่งทุกอย่าง และเป็นการชี้ทางที่ถูกต้อง และเป็นความเมตตาแก่หมู่ชนผู้ศรัทธา” (ยูซุฟ 12 : 111)
|
5.
|
อัลกุรอานได้บอกให้ท่านนะบี ทราบถึงอนาคต ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่เป็นปฏิหาริย์ของอัลกุรอาน คือ อัลกุรอานบอกให้ทราบถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และมันก็เกิดขึ้นจริงตามที่ได้บอกไว้อย่างมากมาย ดังเช่นที่อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตรัสว่า : |
|
|
6. |
การประมวลของอัลกุรอานถึงเรื่องเร้นลับทางวิชาการ และระบบจักวาลโลกซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ นอกจากที่อัลกุรอานได้ประทานลงมาก่อนแล้ว ดังที่อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงแจ้งไว้ในอัลกุรอานว่า : |
|
ความว่า “เราจะให้พวกเขาได้เห็นสัญญาณทั้งหลายของเราในขอบเขตอันไกลโพ้น และในตัวของพวกเขาเอง จนกระทั้งจะเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขาว่าอัลกุรอานนั้นเป็นความจริง ยังไม่พอเพียงอีกหรือที่พระเจ้าของเจ้านั้นทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่ง” (ฟุซซิลัต 41 : 53) นักวิชาการได้เปิดเผยให้เราทราบถึงความเร้นลับถึงสิ่งที่เป็นปฏิหาริย์ทางด้านวิชาการของอัลกุรอาน ที่อยู่ในวิถีทางของมนุษย์ หรืออยู่ในวิถีทางของจักรวาลอันไกลโพ้น และสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับโลก และสิ่งที่เกิดขึ้นในห้วงลึกของทะเล หรือสิ่งที่อยู่ในชั้นเวหา หรือที่อยู่บนพื้นดิน หรือใต้แผ่นดิน เช่นนี้มีในคำตรัสของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อย่างมากมาย ดังที่พระองค์ทรงตรัสว่า :
ความว่า “ผู้ใดที่อัลลอฮ์ ทรงประสงค์จะแนะนำเขาสู่หนทางอันเที่ยงตรง ก็จะทรงให้หัวอกของเขาเบิกบานเพื่ออิสลาม และผู้ใดที่พระองค์ทรงประสงค์จะปล่อยให้เขาหลงทาง ก็จะทรงให้ทรวงอกของพวกเขาคับแคบอึดอัด ประหนึ่งว่าเขากำลังขึ้นไปยังฟากฟ้า ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮ์จะทรงให้มีความโสมมแก่บรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธา” (อัล-อันอาม 6 : 125) และยังไม่เป็นที่รู้กันมาก่อนว่า เมื่อมนุษย์ยิ่งขึ้นสู่ที่สูงมากเท่าใด ยิ่งอึดอัดมากเท่านั้นเพราะการขาดอากาศหายใจ เนื่องจากการขาดออกซิเจน และพึ่งจะค้นพบในยุคปัจจุบันนี้เอง
|
7.
|
อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงปกป้องรักษาพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานในทุกยุคทุกสมัย ดังนั้นอัลกุรอานจึงเป็นคัมภีร์แห่งฟากฟ้าเล่มเดียวที่พระองค์ทรงรับรองให้การคุ้มครองให้พ้นจากการเปลี่ยนแปลงอักษร หรือเพิ่มเติมและขาดเกินใดๆ ฉะนั้นอัลกุรอานจะคงอยู่ถาวรตราบชั่ววันกิยามะฮ ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตรัสว่า : |
|
ความว่า “แท้จริง เรา(อัลลอฮ์)ได้ให้ข้อตักเตือน(อัลกุรอาน)ลงมา และแท้จริงเรา(อัลลอฮ์) เป็นผู้รักษาอัลกุรอานไว้อย่างแน่นอน” (อัลฮิจร์ 15 : 9) |
ดร.อัดุลลอฮฺ อิบนุ อับดิรเราะฮ์มาน อัลค็อรอาน
...ประเด็นต่างๆในการศึกษาชีวประวัตินะบีมุฮัมมัด
-
อัดนาน มุฮัมมัด ซัรซูร หนังสือ อุลูมุลกุรอาน หน้า 218
-
หนังสือชื่อว่า อัลมัสดัร อัสซาบิก หน้า 46
-
ซอฮี๊ฮ อัลบุคอรีย์ 6 / 96 หนังสือ ฟะฎออิลุ้ลกุรอาน บทที่ว่าการลงวะฮีย์มาได้อย่างไร หนังสือซอฮี๊ฮมุสลิม หนังสือ อัลอีมาน บทที่ว่าจำเป็นที่จะต้องศรัทธาต่อการเป็นศาสนฑูตของท่านนบีมุฮัมมัดศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
-
ท่านอิบนิ กาศีร รอฮิมะฮุลลอฮ ได้ขยายไว้ในหนังสือฮาดีสที่ชื่อว่าอัลบิดายะฮ วัลนิฮายะฮ 6/ 69
-
อัดนาน มุฮัมมัด ซัรซรู หนังสืออุลูมุลกุรอ่าน 219
-
อิบนุ อะซี๊ร หนังสือ อะซะดุลฏอบะห์ 3/ 83
-
มุสนัด อัลอิมามอะหมัด 4 / 83 ในหนังสือซอฮี๊ฮอัลบุคอรีย์ ได้กล่าวไว้ว่าหัวใจของฉันนั้นเกือบจะลอยไป หนังสือตัฟซี๊รบทอธิบายซูเราะห์ฏู๊ร
-
จงดูในหนังสือ อิบนุ กาซี๊ร 3.6 3.4