เสียน้ำตา เพื่ออะไร?
  จำนวนคนเข้าชม  10625

 

"น้ำตา" ที่แตกต่าง

 

โดย .... อุมม์รอชิด

 

          "น้ำตา" ที่ไหลออกมาจากสองข้างของดวงตา เป็นน้ำที่มีความใส มีประโยชน์ในการหล่อเลี้ยงดวงตา ทำให้มีความชุ่มชื่น ไม่แห้งแล้ง ประโยชน์ของน้ำตายังมีอีกมากมาย 

          น้ำตา จะไหลออกมาได้ก็ต่อเมื่อมีความรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างที่สุด  หรือมีความสุข ดีใจอย่างที่สุด นอกนั้นอาจจะเป็นเพราะฝุ่นละออง หรือเศษผงเข้าตาไปทำร้ายดวงตา น้ำตาจึงไหลออกมาเพื่อขจัดสิ่งสกปรก เพื่อให้ดวงตาสามารถใช้ประโยชน์ได้ต่อไป

ใครหล่ะ ! ที่เป็นผู้สร้างดวงตา เพื่อให้น้ำตาได้ไหลออกมา

 

         ใครกันที่เป็นผู้สร้างดวงตา ที่สามารถมองเห็นความสวยงาม และความเลวร้าย มองเห็นความดี และความชั่ว มองเห็นความมืดบอด และความสว่าง

          "ดวงตา คือ หน้าต่างของหัวใจ" คำกล่าวนี้เป็นสิ่งที่น่าคิด ดวงตา น้ำตา และความรู้สึกที่มาจากหัวใจ จะต้องมีความเกี่ยวพันธ์กันอย่างแน่นอน 

 

          เมื่อดวงตาได้เห็นในสิ่งที่สวยงามอย่างสุดซึ้ง ส่งผลถึงความรู้สึกทางจิตใจ จนกลั่นออกมาเป็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มใจ สุขใจ น้ำตาที่ไหลออกมานั้นเนื่องจากการได้พบภาพแห่งความสุขที่ได้เห็น

 

          แต่เมื่อดวงตาได้เห็นสิ่งที่เศร้าใจ เสียใจ สะเทือนใจ ส่งผลถึงความรู้สึกในจิตใจ จนกลั่นออกมาเป็นน้ำตา แห่งความเศร้าเสียใจ  น้ำตาที่ไหลออกมานั้นเป็นน้ำตาแห่งความเศร้าใจเนื่องจากภาพความสะเทือนใจที่ได้เห็น

 

          เพราะฉะนั้น น้ำตาจึงเกิดจากหลากหลายสาเหตุห่งการรับรู้ความรู้สึกทางจิตใจ ว่าจะกลั่นน้ำตานั้นออกมาเนื่องด้วยสาเหตุใด ความสุขหรือความเศร้า  ความรักหรือความแค้น ความสมหวังหรือผิดหวัง ความชื่นชมหรือความอิจฉาริษยา ความชอบหรือความเกียจชัง

          น่าแปลกที่เมื่อน้ำตาไหลออกมา กลับทำให้เราผ่อนคลายความรู้สึกที่รุนแรงให้บรรเทาลงได้  และการร้องไห้บางครั้งจะทำให้เราได้คิดอะไรๆได้มากขึ้นเช่นกัน

 

         ทีนี้เรามาดูการร้องไห้ของเด็กสองคน ในวาระที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

          เด็กคนแรก ร้องไห้ ให้กับมนุษย์กลุ่มหนึ่ง ร้องไห้เพราะทีมฟุตบอลที่ตนเองรัก แพ้ทีมคู่แข่ง นักข่าวได้เข้าไปสัมภาษณ์ถึงความรู้สึกของเด็กคนนั้นที่ร้องไห้อย่างมากมาย แสดงออกถึงความเศร้าเสียใจในทีมฟุตบอลที่รัก ได้แพ้พ่ายในการแข่งขันในนัดนี้ เด็กได้ร้องไห้และพูดถึงความชอบต่อนักฟุตบอล และทีมที่รัก 

          การร้องไห้ของเด็กคนนี้ส่งผลใดบ้าง ต่อตนเอง ต่อนักฟุตบอล ต่อทีมฟุตบอล ? ไม่เลยขอสาบานต่ออัลลอฮ์ !   เป็นการร้องไห้ที่สูญเปล่า และไร้ค่าอย่างที่สุด  นักฟุตบอล เขาจะรับรู้ไหมว่ามีคนร้องไห้เสียใจให้กับพวกเขาในการแข่งขันของวันนี้ หรือพวกเขาจะสนใจไหมต่อการร้องไห้ของแฟนฟุตบอล ! มีใครรู้บ้างว่าหลังจบเกมการแข่งขัน ไม่ว่าผลจะออกมาแพ้หรือชนะ พวกเขาก็ไปกิน ดื่ม ฉลองกันตามปกติตามโปรแกรมที่ได้วางไว้ โดยไม่ได้สนใจว่าจะมีคนร้องไห้เพื่อพวกเขา มีคนเสียเงินเพราะพวกเขา หรือมีคนได้เงินเพราะพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะแพ้หรือชนะ การรื่นเริงในแผนงานต่างๆก็ยังคงไว้เพื่อการหารายได้ของคนกลุมหนึ่งเท่านั้น

          เราจะเห็นได้ว่าเด็กที่ร้องไห้ ให้กับทีมฟุตบอลที่พ่ายแพ้ เป็นการร้องไห้ที่สูญเปล่า การเสียน้ำตาให้กับสิ่งที่ไร้ค่า การแสดงความเศร้าที่บ่งบอกถึงความโง่เขลาของตนเอง การร้องไห้ของเด็กคนนี้จึงแสดงให้เห็นถึงพื้นฐานทางครอบครัวที่ไม่มีการดูแลเอาใจใส่ อบรมสั่งสอน ให้ลูกหลานได้มีสติปัญญาในการคิดพิจารณา การยับยั้งอารมณ์ความรู้สึก แยกแยะความดีความชั่ว เรื่องใดหรือสิ่งใด ที่พวกเขาควรเสียน้ำตาให้ และอย่าไปเสียน้ำตาให้กับสิ่งที่ไร้สาระอย่างนั้นเลย 

          พ่อแม่ ที่ไม่เอาใจใส่ลูกหลาน ปล่อยให้หลงไปตามกระแสแฟชั่น ติดตามผลการแข่งขันได้อย่างแม่นยำ จำนักเตะ ทีมฟุตบอล จำสัญลักษณ์ต่างๆของสโมสรฟุตบอล จำแม้กระทั่งเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของนักเตะเหล่านั้น โดยไม่สนใจในชีวิตครอบครัวตนเอง ญาติพี่น้อง ไม่สนใจการท่องจำหนังสือ ตำราเพื่อหาความรู้ เพื่อการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง อนาคตโตขึ้นเด็กแบบนี้ ก็จะเป็นดังเช่นผู้ใหญ่ในวันนี้ที่สนใจแต่ทีมฟุตบอล หรือบางคนเป็นนักการพนัน จนนำความเสื่อมเสีย และความเสียหาย มาให้กับครอบครัวและวงค์ตระกูล และจะกลายเป็นผู้ขาดทุนอย่างย่อยยับในโลกหน้า ดังเช่นผู้ใญ่บางคนที่มีให้เห็นในปัจจุบัน

 

          เด็กคนที่สอง ร้องไห้ ให้กับการท่องจำอัลกุรอานจนครบเล่ม ในมัสยิดหนึ่งซึ่งมีเพื่อนๆ และอาจารย์ล้อมรอบ คอยเป็นกำลังใจให้ เป็นช่วงที่เหลือเพียงสอง-สามซูเราะฮ์สุดท้าย ความรู้สึกที่ได้นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง น้ำตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ความตื้นตัน ความปลาบปลื้มใจ และกำลังใจที่ได้จากบุคคลรอบข้าง การท่องอัลกุรอานที่ต้องหยุดเป็นช่วงๆเพื่อสกัดกั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา จนกระทั่งจบซูเราะฮ์สุดท้าย ทันทีที่จบเด็กและอาจารย์ได้พร้อมกันก้มสุญูด ต่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่โดยมิต้องนัดหมาย บ่งบอกถึงการรู้หน้าที่ ความสำนึกในบุญคุณ การกตัญญูกตเวทีต่อผู้สร้าง ไม่มีอะไรที่ยิ่งใหญ่มากกว่านี้อีกแล้ว การท่องจำอัลกุรอานได้ทั้งเล่มนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน และน้ำตาที่ไหลออกมานั้น ย่อมเป็นสายน้ำทีมีค่า มีผลบุญแห่งการตอบแทนที่มากมาย เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

         สิ่งนี้ได้แสดงถึงพื้นฐานของครอบครัว ที่ให้การอบรมสั่งสอนในเรื่องศาสนา สนับสนุนในการเรียนรู้ ทำให้เด็กมีสติปัญญาในการคิด การค้นหาความรู้ การท่องจำและศึกษาถึงสัจจธรรม ทำให้เขารู้ว่าน้ำตาจะต้องไหลให้กับผู้ที่สมควรจะได้รับ ให้กับความรู้สึกที่ไม่สูญเปล่า การท่องจำอัลกุรอานของเด็ก จะทำให้มีผู้สนับสนุนในเรื่องการเรียน มีแต่คนรักใคร่ ชื่นชม นำความสุขและความจำเริญมาสู่ครอบครัวและวงค์ตระกูล ในอนาคตการดำเนินวิถีชีวิตจะอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้นำครอบครัวที่มีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน และเขาจะไม่ขาดทุนอย่างแน่นอน

 

          ความแตกต่างของการร้องไห้ในเด็กสองคน จึงสามารถบ่งบอกถึงทางเดินของชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  และการร้องไห้ของเด็กสองคนได้เป็นบทเรียน ข้อคิด ให้กับผู้ใหญ่ในปัจจุบัน เราน่าจะหันมาย้อนมองดูตนเองว่า ตอนเด็กเราร้องไห้เพราะอะไรกันบ้าง ? เราเคยร้องไห้ให้กับเรื่องไร้สาระหรือไม่ ?  และตอนนี้เราต้องหันมองดูลูก หลาน ของเราว่าวันนี้ พวกเขากำลังร้องไห้ให้กับอะไร ให้กับทีมฟุตบอล นักบอล ดารา นักร้อง หรือ ละครน้ำเน่าที่ฉายตามทีวี 

 

"และเจ้าจงยั่วยวนผู้ที่เจ้าสามารถทำให้พวกเขาหลงด้วยเสียงของเจ้า และจงร่วมกับพวกเขาในทรัพย์สิน และลูกหลาน

และจงสัญญาแก่พวกเขา และชัยฏอนมิได้ให้สัญญาใดๆ เว้นแต่เป็นการหลอกลวงเท่านั้น"

(17:64)

         หรือ พวกเขาได้ร้องไห้เพราะความยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮ์  ร้องไห้เพราะการรับรู้และเข้าใจความหมายของอัลกุรอาน การร้องไห้เนื่องจากการท่องจำอัลกุรอาน  ลูกหลานของพวกเรากำลังร้องไห้ให้กับอะไรกันหรือ ?

          เพราะฉะนั้น การเริ่มต้นที่ดีของเด็ก สามารถยืนยันได้ถึงการมีจุดหมายปลายทางที่ดี แต่ถ้าการเริ่มต้นที่ไม่ดี แล้วจะให้มีจุดหมายปลายทางที่ดีนั้น พ่อแม่ ผู้ปกครองคงต้องเหนื่อยกันหน่อย หรือถ้าพลาดพลั้ง อาจจะไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางที่ดีได้อย่างที่เราตั้งความหวังไว้

 

          ขอพระองค์อัลลอฮ์  โปรดคุ้มครองครอบครัวของผู้ศรัทธาที่แท้จริง ให้รอดพ้นจากการร้องไห้ต่อสิ่งที่ไร้สาระด้วยเถิด....... อามีน

 

 

และถ้อยคำแห่งพระเจ้าของเจ้านั้นครบถ้วนแล้ว ซึ่งความสัจจะและความยุติธรรม

ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงบรรดาถ้อยคำของพระองค์ได้ และพระองค์นั้นคือผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้"

(6:114-115)