การสนทนาของ อับดุลเลาะฮ์ กับ อับดุนนะบีย์
  จำนวนคนเข้าชม  4964

อับดุลเลาะฮ์  กับ  อับดุนนบีย์


โดย  มาลิก  โยธาสมุทร

 

“อับดุลเลาะฮ์”  เป็นชื่อของชายคนหนึ่งซึ่งได้พบกับชายอีกคนที่มีชื่อว่า “ อับดุนนบีย์”

          อับดุลเลาะฮ์  ปฏิเสธไม่ยอมรับชื่อดังกล่าว พร้อมพูดกับตัวเองว่า คนเราจะไปอิบาดะฮ์(ทำความเคารพสักการะ) ใครอื่นนอกจากอัลลอฮ์ ได้อย่างไรกัน ?

อับดุลเลาะฮ์ :  “คุณทำความเคารพสักการะ ผู้ใดอื่นนอกเหนือจากอัลลอฮ์กระนั้นหรือ ! ”

 อับดุนนบีย์  :  “เปล่า ฉันไม่เคารพสักการะผู้ใดอื่นไปจากอัลลอฮ์ ฉันเป็นมุสลิม และฉันอิบาดะฮ์ ต่ออัลลอฮ์    เพียงองค์เดียว”  

อับดุลเลาะฮ์ : ถ้าเช่นนั้น แล้วทำไมชื่อของท่านเหมือนกับชื่อของพวกคริสต์ที่ตั้งชื่อ “ อับดุลมะซี๊ฮ์” จะว่าอย่างไรกัน ?   เพราะพวกคริสต์นั้นเคารพสักการะ (อิบาดะฮ์) ต่อพระเยซูอยู่  แต่สำหรับคนที่ได้ยินชื่อของคุณ เขาจะนึกทันทีว่า คุณนั้นกำลังอิบาดะฮ์ต่อท่าน  นะบี        ซึ่งที่จริงแล้ว มิใช่เป็นหลักเชื่อมั่นของมุสลิมที่จะพึงปฏิบัติต่อผู้เป็นนะบีของเขาเช่นนี้ หากแต่มุสลิมจะต้องเชื่อว่าท่านนะบีมุฮัมมัด นั้น เป็นบ่าวของอัลลอฮ์ และเป็นเราะซูลของพระองค์

อับดุนนบีย์ : แต่ท่านนะบีมุฮัมมัด   เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐที่สุด (คอยรุลบะชัร )  เป็นนายของบรรดาผู้ที่ถูกส่งมา ( ซัยยิดุลมุรซะลีน ) และที่เราตั้งชื่อด้วยกับชื่อของท่านเพื่อต้องการความจำเริญ (บะรอกะฮ์) และเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับอัลลอฮ์ ด้วยกับเกียรติแห่งนะบี และสถานะอันสูงส่งแห่งท่านนะบี ของพระองค์  เราจึงต้องการให้ท่านนะบี ขอความช่วยเหลือ (ชะฟาอะฮ์) ต่ออัลลอฮ์ ด้วยกับสถานภาพของท่านนะบี  ให้กับเรานั่นเอง  และคุณไม่ต้องแปลกใจแต่อย่างใด เพราะพี่ชายของฉันชื่อว่า  “ อับดุลฮุซัยน์”  และบิดาของฉันก็มีชื่อว่า “อับดุรเราะซูล”  การตั้งชื่อเช่นนี้ล้วนเป็นชื่อเก่าแก่ที่รู้จักกันแพร่หลายในหมู่ผู้คนมานานแล้ว  เราพบว่าบรรพบุรุษได้ทำมาอย่างนี้ อย่าไปจริงจังเคร่งเครียดนักเลย เพราะเป็นเรื่องไม่สำคัญอะไร และศาสนาเป็นเรื่องสะดวกง่ายดายไม่ใช่เรื่องลำบากแต่อย่างใด !

อับดุลเลาะฮ์ :     นี่เป็นเรื่องน่ารังเกียจที่เลวร้าย(มุนกัร)ใหญ่หลวงอีกเรื่องหนึ่งจากบรรดาเรื่องเลวร้าย(มุนกัร)ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต นั่นคือ  การวิงวอนขอต่อผู้อื่นนอกเหนือไปจากอัลลอฮ์ ทั้ง ๆที่ผู้นั้นไม่สามารถจะทำได้ ท่านต้องวิงวอนขอต่ออัลลอฮ์ เพียงองค์เดียว ไม่ว่าผู้ที่เขาขอนั้นจะเป็นท่านนะบี   หรือผู้ใดก็ตามที่เป็นคนดี(ซอลิฮ์) เช่น ท่านฮุซัยน์    หรือคนอื่นๆ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการปฏิเสธในหลักการให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์  (เตาว์ฮีด) ในความหมายที่ว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ์  ” [ لاإله إلا الله ]
     
          ฉันจะนำเสนอปัญหาเพื่อให้คุณได้เห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ และการตั้งชื่อในทำนองนี้โดยไม่มีวัตถุประสงค์อื่นใดแอบแฝง นอกจากเพื่อสัจธรรมและชี้ให้เห็นถึงความเท็จ เพื่อจะได้ห่างไกลจากความเท็จด้วยกับการใช้กันให้ทำความดีและห้ามปรามมิให้ทำความชั่ว และอัลลอฮ์ นั้นทรงเป็นผู้ช่วยเหลือ และยังพระองค์เท่านั้นที่ควรแก่การมอบหมาย ไม่มีพลังและอำนาจใดๆ นอกจากด้วยพลังและอำนาจของอัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่เท่านั้น และฉันขอเตือนคุณด้วยกับดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ว่า

 “ แท้จริง  คำกล่าวของบรรดาผู้ศรัทธา เมื่อพวกเขาถูกเรียกร้องไปสู่อัลลอฮ์ และเราะซูลของพระองค์ เพื่อให้ตัดสินชี้ขาดในระหว่างพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า เราได้ยินแล้ว  และเราเชื่อฟัง  ปฏิบัติตามแล้ว   และชนเหล่านี้แหละ คือ บรรดาผู้ที่ได้รับความสำเร็จ ”  ( อันนูร / 51 )

และดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ว่า

“ ดังนั้น  หากพวกเจ้าขัดแย้งกันในเรื่องใด ก็จงนำสิ่งนั้นกลับไปยังอัลลอฮ์ และผู้เป็นเราะซูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันอาคิเราะฮ์ นั่นคือสิ่งที่ดียิ่ง และเป็นการกลับไปที่สวยงามยิ่ง  ”   ( อันนิซาอ์ / 59 )

อับดุลเลาะฮ์ : คุณบอกว่าคุณให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ และคุณกล่าวปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์   แล้วคุณจะไม่อธิบายความหมายของถ้อยคำดังกล่าวให้ได้รู้บ้างดอกหรือ ?

อับดุนนบีย์ :“ อัตเตาว์ฮีด ” คือ การที่ท่านศรัทธาว่า อัลลอฮ์ ทรงเป็นพระเจ้า พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดิน พระองค์ทรงให้เป็นและทรงให้ตาย ผู้ทรงบริหารกิจการต่างๆของโลกนี้ และเป็นผู้ทรงประทานริสกีย์(ปัจจัยยังชีพ)ให้อย่างมากมาย

อับดุลเลาะฮ์ : หากว่าที่กล่าวมานี้ คือคำจำกัดความหมายของคำว่า“อัตเตาว์ฮีด ” มีเพียงเฉพาะแค่นี้เท่านั้น แน่นอน ฟิรเอาว์น และกลุ่มชนของเขา ตลอดจนอบู ญะฮ์ล และคนอื่น ๆ ก็เป็นผู้ให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ ด้วยเช่นกัน เพราะไม่มีใครสักคนในหมู่พวกเขาปฏิเสธในเรื่องนี้ ดังนั้น ฟิรเอาว์น ผู้ซึ่งอ้างตนเองว่าเป็นพระเจ้านั้นเขารู้ดี และศรัทธาอยู่ในใจว่า แท้จริง อัลลอฮ์ นั้น ทรงมีอยู่ และพระองค์คือ ผู้ทรงบริหารจัดการกิจการต่าง ๆ ของโลกนี้ และหลักฐานคือ ดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ว่า

“ และพวกเขาได้ปฏิเสธ สัญญาณของเรา ( อัลลอฮ์ ) ด้วยความอธรรม และเย่อหยิ่ง ยโส ทั้ง ๆ ที่ หัวใจของพวกเขาเชื่อมั่น ศรัทธา ดังนั้น  จงพิจารณาดูเถิดว่า  ผลสุดท้ายของบรรดาผู้บ่อนทำลายนั้น เป็นเช่นใด ?  ”      ( อันนัมล์ / 14 )

         การยอมรับครั้งสำคัญนี้  ประจักษ์ชัดขึ้นขณะที่เหตุการณ์การจมน้ำได้มาประสบกับเขา ( ฟิรเอาว์นฺ )    แต่มันก็สายไปเสียแล้ว !

 “ อัตเตาว์ฮีด ”  คือ การให้เอกภาพต่ออัลลอฮ์ในเรื่องการเคารพสักการะภักดี ( อิบาดะฮ์ )

          คำว่า “ อิบาดะฮ์” เป็นคำที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างที่อัลลอฮ์ทรงรักและพอพระทัย ไม่ว่าจะเป็นคำพูด หรือการกระทำ  ทั้งที่เปิดเผย ( อัฏฏอฮิเราะฮฺ) และไม่เปิดเผย ( อัลบาฏิน ) 

          คำว่า “ อัลอิลาฮ์” ในถ้อยคำที่ว่า “ ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮุ”  [ لا إله إلا الله] คือ ผู้ที่ถูกเคารพ สักการะ กราบไหว้ " อัลมะอ์บู๊ด"  ] المعبود  [  ซึ่งไม่คู่ควรแก่การอิบาดะฮ์ที่แท้จริง นอกจากจะต้องอิบาดะฮ์ต่อพระองค์เท่านั้น  นั่นคือ อัลลอฮ์  ซึ่งเป็นพระเจ้าที่แท้จริงเพียงพระองค์เดียว

อับดุลเลาะฮ์ : แล้วคุณรู้ไหมว่า  เหตุใดบรรดาผู้เป็นเราะซูลจึงถูกส่งมายังโลกนี้ ? และผู้เป็นเราะซูลคนแรก    คือ ท่านนะบีนูฮ์ 

อับดุนนบีย์ : เพื่อที่จะเชิญชวนบรรดาผู้ตั้งภาคี (มุชริกีน) ให้อิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์เพียงพระองค์เดียว และละทิ้งทุกสิ่งที่เป็นภาคีกับพระองค์ 

อับดุลเลาะฮฺ :  และอะไรคือสาเหตุที่กลุ่มชนของนูฮ์ทำชิริก !

'

Part 1 >>>> Click          Part 2 >>>> Click          Part 3>>>> Click          Part 4 >>>> Click

Part 5 >>>> Click          Part 6 >>>> Click 


'

'

จากข้อเขียนของ  ดร. มุฮัมมัด  บินสุลัยมาน  อัลอัชก็อรฺ