ท่านอบูอุบัยดะห์ อิบนิล ญัรร็อฮฺ 2
วันหนึ่งในสงครามอุฮุด ขณะที่ฝ่ายมุสลิมเพลี่ยงพล้ำ ฝ่ายมุชริกีนตะโกนก้องว่า :
พวกเจ้าจงมอบตัวมุฮัมมัดให้เราเถิด พวกเจ้าจงมอบตัวมุฮัมมัดให้เราเถิด
ท่านอบูอุบัยดะห์เป็นหนึ่งในสิบคนซึ่งห้อมล้อมท่านรอซูลเพื่อป้องกันท่านรอซูล โดยหันหน้าอกออกรับคมหอกคมดาบแทนท่านรอซูลจนกระทั่งสงครามสงบ ปรากฎว่าท่านรอซูลนั้นฟันกรามหัก ห่วงเหล็กเสื้อเกราะสองอันทิ่มติดหน้าผากท่าน ท่านอบูบักรฺ อัศศิดดี๊ก คิดจะดึงออก แต่ท่านอบูอุบัยดะห์กล่าวขึ้นว่า :
ให้ฉันเอาออกเองจะดีกว่า
ท่านอบูบักรฺจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอบูอุบัยดะห์เพราะท่านเกรงว่าถ้าหากใช้มีดดึงจะทำให้ท่านร่อซูลเจ็บปวด ท่านจึงใช้ฟันหน้าขบอย่างแรง จึงทำให้เศษเหล็กอันแรกหลุดออกมาได้ พร้อมกันนั้น ฟันของท่านเองก็หักไปหนึ่งซีก และท่านก็ใช้ฟันขบเศษเหล็กอีกอันหนึ่งออก จนกระทั่งฟันของท่านหักอีกหนึ่งซี่เช่นกัน
ท่านอบูบักรฺ จึงกล่าวว่า :
ท่านอบูอุบัยดะห์นั้น เป็นผู้ที่มีฟันหน้าหักได้สวยจริงๆ
ท่านอบูอุบัยดะห์เข้าร่วมสงครามกับท่านรอซูลทุกครั้ง นับตั้งแต่เริ่มเป็นศอหะบะห์จนกระทั่งสิ้นชีวิต
ครั้งหนึ่งในวันรับสัตยาบันแก่ท่านอบูบักรฺให้เป็นคอลีฟะห์ท่านแรก ซึ่งการรับสัตยาบันครั้งนั้นได้แล้วเสร็จสมบูรณ์ ณ บริเวณบ้านของ "บนีซาอิดะห์" ก่อนที่ท่านอบูบักรฺจะได้รับการคัดเลือกนั้น ท่านอุมัรได้กล่าวกับท่านอบีอุบัยดะห์ว่า :
จงยื่นมือมาเถิดฉันจะให้สัตยาบันต่อท่าน เพราะฉันเคยได้ยินท่านรอซูลกล่าวว่า แท้จริงทุกๆประชาชาตินั้นมีผู้ซื่อสัตย์และท่านก็คือ ผู้ซื่อสัตย์ของประชาชาตินี้
แต่ท่านอบูอุบัยดะฮฺกลับตอบว่า :
ฉันไม่สามารถที่จะได้รับการเสนอตัวต่อหน้าบุรุษที่ท่านรอซูลเคยใช้ให้เป็นอิหม่ามนำละหมาดจนกระทั่งท่านรอซูลสิ้นชีวิตได้ดอก
การเลือกตั้งคอลีฟะห์ท่านแรกในอิสลามได้สิ้นสุดลง โดยท่านอบูบักรฺได้รับตำแหน่งคอลีฟะห์และท่านอบูอุบัยดะห์เป็นผู้ชี้แจงที่ดีเกี่ยวกับข้อเท็จจริงให้ท่านอบูบักรฺ และเป็นผู้เกื้อหนุนท่านอบูบักรฺในด้านความดีงาม ต่อมาเมื่อท่านอบูบัรฺได้มอบหมายตำแหน่งคอลีฟะห์ให้ท่านอุมัรฺ ท่านอบูอุบัยดะห์ก็ไม่ขัดข้อง แต่กลับยอมเชื่อฟังและปฎิบัติตามโดยไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งเลยนอกจากเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ท่านทั้งหลายทราบไหมว่าเรื่องที่ท่านอบูอุบัยดะห์ฝ่าฝืนคำสั่งคอลีฟะห์ของมุสลิมีนนั้นคืออะไร?
เรื่องเกิดขึ้นขณะที่ท่านอบูอุบัยดะห์ อิบนิ ญัรร็อฮฺกำลังปฎิบัติหน้าที่เป็นแม่ทัพมุสลิมอยู่ ณ เมืองชามหรือซีเรีย โดยได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งพิชิตซีเรียได้ ทั้งหมดกล่าวคือ ทางทิศตะวันออกเข้ายึดครองได้ถึงแม่น้ำ "ฟุร็อต" ทางด้านทิศเหนือเข้ายึดครองถึงเอเชียน้อย
ขณะนั้นที่เมืองชามเกิดโรคระบาด ชนิดที่ประชาชนไม่เคยประสบมาก่อนเลย โรคระบาดครั้งนี้คร่าชีวิตประชาชนคนแล้วคนเล่า ฝ่ายท่านคอลีฟะห์อุมัรฺนั้นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ท่านได้ส่งทูตคนหนึ่งนำสาส์นไปให้ท่านอบูอุบัยดะห์ ซึ่งสาส์นนั้นมีข้อความว่า :
ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องปรึกษากับท่าน เมื่อท่านได้รับสาส์นนี้ในยามค่ำคืน ฉันมั่นใจว่าท่านต้องเดินทางมาหาฉันทันทีโดยไม่ต้องรีรอจนถึงรุ่งเช้า ถ้าสาส์นนี้ถึงมือท่านในเวลากลางวันฉันมั่นใจว่าท่านต้องเดินทางมาหาฉันโดยทันทีโดยไม่รีรอจนถึงเวลาเย็น
เมื่อท่านอบูอุบัยดะฮฺได้รับสาส์นของท่านอุมัรฺ ท่านก็กล่าวว่า :
ฉันทราบดีว่าท่านอะมีรุลมุอฺมินีนมีเรื่องสำคัญอันใดกับฉัน นั่นก็คือ ท่านต้องการจะสงวนชีวิตของผู้ไม่จีรังยั่งยืนเอาไว้
จากนั้นท่านอบูอุบัยดะห์จึงส่งสาส์นตอบท่านคอลีฟะห์อุมัรฺไปว่า :
โอ้ท่านอะมีรุลมุอฺมินีน ความจริงข้าพเจ้ากำลังปฎิบัติหน้าที่ทางทหารของมุสลิมอยู่ข้าพเจ้าไม่ชอบเอาตัวรอด โดยปล่อยให้พวกทหารต้องประสบเคราะห์กรรมเพียงลำพังและข้าพเจ้าไม่ต้องการที่จะจากพวกเขาไปจนกว่าอัลเลาะห์จะทรงตัดสินเรื่องของข้าพเจ้า และเรื่องของพวกเขา ดังนั้นเมื่อท่านได้รับสาส์นของข้าพเจ้านี้แล้ว ก็จงเลิกคิดได้เลยว่าข้าพเจ้าจะรีบกลับไปหาท่าน และจงอนุมัติให้ข้าพเจ้าอยู่ต่อไป ณ ที่นี้ด้วยเถิด
เมื่อท่านคอลีฟะห์อุมัร ได้อ่านสาส์นของอบูอุบัยดะห์จบลง ท่านก็ร้องไห้จนน้ำตานองหน้า ผู้ที่อยู่ด้วย ณ ที่นั้น เห็นสภาพของท่านอุมัรฺร้องไห้โฮอย่างนั้นจึงถามว่า :
โอ้ท่านอะมีรุลมุอฺมินีน ท่านอุบัยดะห์สิ้นชีวิตแล้วกระนั้นหรือ?
ท่านอุมัรฺ ตอบว่า :
ยังหรอก..เขายังไม่ตาย แต่ความตายนั้นกำลังอยู่ใกล้เขาเหลือเกิน
การคาดคิดของท่านอุมัรฺใกล้เคียงกับความจริง เพราะอีกไม่กี่วันต่อมาท่านอบูอุบัยดะห์ก็สิ้นชีวิตด้วยโรคระบาดนั้นเอง
เมื่อวาระสุดท้ายแห่งชีวิตมาถึง ท่านอบูอุบัยดะห์ได้กล่าวกับบรรดาทหารว่า :
ฉันขอสั่งเสียพวกท่าน ถ้าหากใครปฎิบัติก็จะได้รับความดี กล่าวคือ ขอให้ท่านทั้งหลายจงดำรงละหมาด จงถือศิลอดในเดือนรอมฎอน จงบริจาคซะกาต จงทำฮัจญ์และอุมเราะห์ จงอดทนจงให้คำแนะนำตักเตือนผู้นำ อย่าได้ฝ่าฝืนเขา จงอย่าลุ่มหลงโลกนี้ ใครก็ตามต่อให้เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอีกพันครั้งเขาก็จะไม่มีส่วนได้รับความตายในสถานะอย่างฉันนี้ ซึ่งพวกท่านกำลังเห็นอยู่
วัสสะลามมุอะลัยกุม วะเราะฮฺมะตุลลอฮฺ
พลางท่านก็หันไปหาท่านมุอ๊าช อิบนิ ญะบัล และกล่าวว่า :
โอ้ท่านมุอ๊าช จงนำละหมาดแทนฉันด้วยเถิด
ต่อมาอีกไม่นานท่านก็สิ้นชีวิต ท่านมุอ๊าชได้ยืนขึ้น และกล่าวว่า :
พี่น้องที่รัก ขณะนี้พวกท่านต้องเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของชายผู้หนึ่ง ขอสาบานต่ออัลเลาะห์ว่า ฉันไม่เคยเห็นชายคนใดที่ออกห่างความชั่วที่แฝงไว้ด้วยการอิจฉาริษยายิ่งไปกว่าเขา ไม่เคยเห็นชายคนใดรักการมีจุดจบของชีวิตในสนามรบยิ่งไปกว่าเขาและไม่เคยเห็นชายคนใดตักเตือนประชาชนได้ยอดเยี่ยมยิ่งไปกว่าเขา ดังนั้นพวกท่านทั้งหลายจงขอความเมตตาจากอัลเลาะห์ ให้พระองค์ทรงเมตตาท่านอบูอุบัยดะห์ อิบนิล ญัรร็อฮฺ ด้วยเถิด แล้วอัลเลาะห์จะทรงเมตตาพวกท่าน
|