คอลีฟะห์อุมัร อิบนุลคอฏฏอบ 2
  จำนวนคนเข้าชม  34194

คอลีฟะห์อุมัร อิบนุลคอฏฏอบ 2


(ฮ.ศ.13-23)


ผลงานทางด้านการพัฒนาของคอลีฟะห์อุมัร

             การจัดตั้งหน่วยบริหารกิจการของรัฐ ท่านอุมัร อิบนุลคอฏฏอบ เป็นผู้ที่มีความพิถีพิถันในการคัดเลือกผู้ปกครองและข้าหลวงประจำเมืองต่างๆ ท่านกล่าวว่า :

             “ผู้ใดที่แต่งตั้งให้ผู้หนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ เนื่องจากการเป็นญาติมิตร แท้จริงเขาได้บิดพลิ้วอัลเลาะห์ ร่อซูลของพระองค์ และบรรดามุมิน และผู้ใดที่แต่งตั้งคนชั่วเป็นเจ้าหน้าที่ เขาก็เท่ากับว่าเป็นคนชั่วเช่นเดียวกัน”

             คอลีฟะห์อุมัรวางระเบียบการบริหารรัฐ แต่งตั้งตุลาการ ได้ทำหน้าที่ตรวจตราความสงบเรียบร้อย และประชาราษฎ์ในยามค่ำคืน และมีการสร้างเมืองฟุสฏอฏ ในอียิปต์ เมืองกูฟะห์ และบัศร์ ในยุคของท่าน

             คอลีฟะห์อุมัรได้แบ่งการบริหารอาณาจักรอิสลามที่กว้างขวาง ออกเป็นมณฑล และแต่งตั้งข้าหลวงประจำมณฑลทำหน้าที่บริหารงานแทนคอลีฟะห์

            นอกจากนั้น คอลีฟะห์อุมัร ยังได้จัดตั้งสำนักงานบัญชีกลาง เพื่อทำการบันทึกรายได้ รายจ่ายของรัฐ สำนักงานทะเบียนข้าราชการทหาร สำนักงานทะเบียนรายได้ทางด้านภาษีที่ดิน จัดวางระบบอัตราภาษี การลดหน่วยภาษี พร้อมยังได้ออกประกาศ โดยให้ความเสมอภาคแก่บุคคลทุกคนทั้งทางด้านสิทธิและหน้าที่ โดยยกเลิกสิทธิพิเศษ ซึ่งโรมันเคยให้แก่บุคคลบางคน สิ่งที่บ่งบอกถึงความยุติธรรมของท่าน คือคำพูดของท่านแก่คณะผู้แทน ที่เดินทางไปพบท่านที่เมืองมะดีนะห์ว่า :
         
            “ฉันมิได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของฉัน เพื่อเฆี่ยนตีพวกท่าน และยึดเอาทรัพย์สินของพวกท่านโดยมิชอบ แต่ว่าฉันได้แต่งตั้งพวกเขา เป็นผู้สั่งสอนคัมภีร์ของพระเจ้าของพวกท่าน และซุนนะห์ของนบีของพวกท่าน ดังนั้น ผู้ใดที่เจ้าหน้าที่ของเขาประพฤติมิชอบกับเขา เขาต้องฟ้องร้องมายังฉัน”

             คอลีฟะห์อุมัร เป็นผู้กำหนดฮิจเราะห์ศักราช โดยบรรดามุสลิมนับถือศักราชอิสลาม ตั้งแต่วันที่ท่านนบีมูฮำหมัด ได้อพยพจากเมืองมักกะห์ไปยังเมืองมะดีนะห์ ท่านได้ให้กำเนิดระบบไปรษณีย์ โดยให้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ นำหนังสือของคอลีฟะห์ไปมอบให้แก่ข้าหลวงประจำมณฑลต่างๆ และนำหนังสือของข้าหลวงประจำมณฑลมามอบให้แก่คอลีฟะห์

อุปนิสัยของคอลีฟะห์อุมัร

             คอลีฟะห์อุมัร ได้รับฉายานามว่า “อัลฟารุก” หมายถึง ผู้จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ ทั้งนี้เนื่องจากการนับถือศาสนาอิสลามของท่าน ได้ทำให้ศาสนาอิสลามและบรรดามุสลิมมีความเข้มแข็ง มีเกียรติภูมิ ท่านเป็นผู้ที่มีความยุติธรรม มีความกล้าหาญ ไม่มีความกลัวในการพูดความจริง ท่านเป็นผู้ที่เอาใจใส่ในสภาพความเป็นอยู่ของบรรดามุสลิม โดยตรวจตราดูทุกข์สุข ของพวกเขาทั้งกลางวัน และกลางคืน
 
             ประวัติศาสตร์ได้บันทึกความยุติธรรมของคอลีฟะห์อุมัรไว้ ซึ่งเป็นบทเรียนแก่ผู้ปกครองรุ่นหลัง กล่าวคือ
คนผู้แทนของกิสรอ ผู้ปกครองเปอร์เซีย ได้เดินทางมายังเมืองมะดีนะห์ เพื่อจะได้ทราบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคอลีฟะห์อุมัร และบรรดามุสลิม เมื่อเดินทางมาถึงเมืองมะดีนะห์ ก็ถามหาคอลีฟะห์อุมัร ประชาชนทั้งหลายบอกว่า ท่านอยู่นอกเมือง คณะผู้แทนของกิสรอ จึงออกไปค้นหาคอลีฟะห์อุมัร ก็เห็นว่าท่านนอนอยู่บนพื้นใต้ต้นไม้ เมื่อพวกคณะผู้แทนเปอร์เซีย เห็นสภาพความเป็นอยู่แบบสมถะ ของท่านอุมัร พวกเขากล่าวว่า :

             “ นี่คือ สภาพของผู้ชายที่บรรดากษัตริย์ทั้งหลายต่างเกรงขาม ท่านเป็นผู้ยุติธรรม ดังนั้นท่านจึงปลอดภัย ดังนั้น ท่านจงนอนหลับให้สบายเถิด”

            คอลีฟะห์อุมัรมีรูปร่างสูงใหญ่ อ้วนท้วม ผิวขาว มีเสียงดัง ไม่ค่อยหัวเราะ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความเข้มงวดในเรื่องการอธรรม มีความเด็ดขาดเกี่ยวกับความจริง มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนา

การถึงแก่กรรมของคอลีฟะห์อุมัร

             ขณะที่คอลีฟะห์อุมัรเป็นอิมามนะละหมาดซุบฮิ ในตอนเช้าของวันหนึ่ง อบู ลุลุอะห์ ซึ่งเป็นผู้บูชาไฟ และเป็นคนใช้ของมุฆีเราะห์ อิบนุชวะยะห์ ได้เข้ามาแทงท่าน ทำให้ท่านล้มลง ท่านจึงได้ใช้ให้ท่านอับดุลเราะห์มาน อิบนุอาฟ นำละหมาดต่อไปจนเสร็จ แล้วท่านกล่าวว่า :

            “ไม่มีตำแหน่งใดในอิสลาม สำหรับผู้ที่ละทิ้งละหมาด”

             บรรดามุสลิมได้หามท่านอุมัร ซึ่งมีเลือดไหลนอง เข้าไปในบ้านของท่าน เพื่อทำการทำแผล เนื่องจากอาการของท่านสาหัสมาก จึงถึงแก่กรรมในเวลาต่อมา ก่อนที่ท่านจะถึงแก่กรรม ท่านรู้ว่าผู้ที่ฆ่าท่านไม่ใช่มุสลิม ท่านจึงกล่าวว่า :

            “มวลการสรรเสริญเป็นของอัลเลาะห์ โดยที่ผู้ที่ฆ่าฉัน ไม่ใช่ผู้ที่สูญูดต่ออัลเลาะห์”

            ท่านถึงแก่กรรมโดยมีอายุได้ 63 ปี ดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์เป็นเวลา 10 ปี 6 เดือน และท่านถูกฝังเคียงข้างคอลีฟะห์อบูบักร อัซซิดดิ๊ก



วัสสลาม


  Click<<<      คอลีฟะห์อุมัร  1  

จาก : หลักสูตรอิสลามศึกษา

โรงเรียนอิกอมะตุ้ลมุอฺมีนีน