ท่านอบู ฮุรอยเราะห์ อัดเด๊าซีย์ 2
  จำนวนคนเข้าชม  9585

         

ท่านอบู ฮุรอยเราะห์ อัดเด๊าซีย์ 2

          ในขณะเดียวกันท่านอบู ฮุรอยเราะฮฺ รักท่านรอซูล  ท่านก็รักวิชาความรู้และถือว่าการแสวงหาวิชาความรู้นั้นเป็นความปรารถนาที่ท่านหวังที่จะได้บรรลุถึงอีกด้วย
ท่านซัยดฺ อิบนิ ซาบิด  กล่าวว่า :

          ครั้งหนึ่งขณะที่ฉัน(หมายถึงซัยดฺ) อบูฮุรอยเราะห์ และสหายของฉันอีกคนหนึ่งกำลังนั่งวิงวอน ต่ออัลเลาะห์ และรำลึกถึงพระองค์ในมัสยิด ทันใดนั้น ท่านร่อซูล  ได้เข้ามา ในมัสยิดและเดินเข้ามายังเราจนกระทั่งมาอยู่ร่วมกับพวกเรา พวกเขาจึงหยุดเงียบ ท่านร่อซูลกล่าวว่า :

           จงกระทำสิ่งที่พวกท่านกำลังทำกันอยู่ต่อไปเถิด

           ฉันกับสหายของฉันจึงได้วิงวอนต่ออัลเลาะห์ ท่านอบีฮุรอยเราะห์ และท่านร่อซูลก็ได้ยินดุอาอฺของเรา และกล่าวว่าอามีน (ข้าแต่อัลเลาะห์ ขอพระองค์ทรงรับดุอาอฺด้วยเถิด)
หลังจากนั้นท่านอบูฮุรอยเราะฮฺก็ขอดุอาอฺสำหรับตัวท่านเองโดยกล่าวว่า

    " ข้าแต่อัลเลาะห์ ข้าพระองค์ขอต่อพระองค์ในสิ่งที่สหายของข้าพระองค์ทั้งสอง(หมายถึงท่านซัยดฺและสหายของซัยดฺ)ขอต่อพระองค์ และข้าพระองค์ขอต่อพระองค์ซึ่งวิชาความรู้ที่ไม่ถูกลืม "

เมื่อท่านร่อซูล  ได้ยินดุอาอฺของท่านอบูฮุรอยเราะห์ ท่านกล่าวว่า

    " อามีน (ข้าแต่อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงรับดุอาอฺด้วยเถิด)”

พวกเรา(ซัยดฺกับสหายของเขา) กล่าวว่า : พวกเราขอต่ออัลเลาะห์เช่นเดียวกัน ซึ่งวิชาความรู้ที่ไม่ถูกลืม

 ท่านร่อซูล  กล่าวว่า :

    " อบูฮุรอยเราะห์นำหน้าพวกท่านแล้ว"

          กล่าวคือ อบูฮุรอยเราะห์ได้ขอและอัลเลาะห์ทรงรับดุอาอฺของเขาแล้ว

          ดังที่ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺชอบการแสวงหาความรู้สำหรับตัวเอง ท่านก็ชอบให้ผู้อื่นแสวงหาวิชาความรู้ เช่นเดียวกัน ดังเรื่องราวต่อไปนี้

          ครั้งหนึ่งท่านอบูฮุรอยเราะห์ได้เดินผ่านตลาดของเมืองมะดีนะห์ และได้มองเห็นประชาชนจำนวนมาก กำลังง่วนอยู่กับการซื้อขายในตลาด ในสภาพที่สนใจเรื่องดุนยามากกว่าเรื่องศาสนา ท่านจึงหยุด และกล่าวปราศรัยแก่เขาเหล่านั้น ซึ่งมีใจความว่า

    " โอ้ชาวมะดีนะห์ทั้งหลาย พวกท่านไร้ความสามารถเหลือเกิน "

คนที่มาร่วมชุมนุมฟังคำปราศัยของท่าน กล่าวว่า :

    " มีอะไรหรือ? ที่ท่านอบูฮุรอยเราะห์เห็นว่าพวกเราไร้ความสามารถ ? "

ท่านอบูฮุรอยเราะห์กล่าวว่า :

    " มรดกของท่านร่อซูล  กำลังถูกแบ่ง และท่านทั้งหลายมัวแต่สนใจกับการ ซื้อขายที่นี่ พวกท่านจงรีบไปรับส่วนแบ่งของพวกท่านจากมรดกของท่านร่อซูล เหมือนกับคนอื่นบ้างซิ!"

พวกเขากล่าวว่า : และมรดกนั้นอยู่ที่ไหน โอ้ท่านอบูฮุรอยเราะห์

ท่านตอบว่า : ในมัสยิดของท่านร่อซูล

พวกเขาจึงรีบไปที่มัสยิด และท่านอบูฮุรอยเราะห์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม จนกระทั่งพวกนั้นกลับมา และเมื่อพวกเขาเห็นท่านจึงกล่าวแก่ท่านว่า :

     "โอ้ท่านอบูฮุรอยเราะห์ แท้จริงเราไปยังมัสยิดและเข้าไปข้างในแต่ไม่พบสิ่งใดที่กำลังถูกแบ่งเลย"

ท่านอบูฮุรอยเราะห์ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า : พวกท่านไม่เห็นใครในมัสยิดเลยกระนั้นหรือ ?

พวกเขากล่าวว่า : หามิได้ เราเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังละหมาดอยู่ และกลุ่มหนึ่งกำลังอ่านกุรอาน และอีกกลุ่มหนึ่งกำลังเรียนบัญญัติศาสนา

ท่านอบู ฮุรอยเราะห์ ตอบว่า : นี้แหละคือมรดกของ ท่านร่อซูล

            นับตั้งแต่อบูฮุรอยเราะห์ได้มาอาศัยอยู่กับท่านร่อซูล  ณ นครมะดีนะห์ ท่านได้อุทิศชีวิตของท่านเพื่อแสวงหาวิชาความรู้ และอยู่กับท่านร่อซูล  เป็นประจำ ซึ่งท่านต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะท่านเป็นคนยากจน ท่านต้องพึ่งพาอาศัยการเลี้ยงดูของท่านรอซูลเหมือนกับคนอื่นๆ ที่มีสภาพยากจนเช่นเดียวกับท่าน แต่ท่านอยู่ในสภาพเช่นนี้ไม่นานนัก เนื่องจากฐานะของมุสลิมในด้านปัจจัยดีขึ้นเรื่อยๆ ท่านได้รับส่วน แบ่งบางส่วนจากรายได้ที่มุสลิมได้มา ทำให้ท่านมีที่อยู่อาศัย และแต่งงานมีครอบครัว
 
             แต่การเปลี่ยนแปลงจากสภาพที่เป็นอยู่นี้ ก็ไม่ได้ทำให้ท่านลืมตัว ลืมชีวิตในอดีตของท่าน ซึ่งเต็มไปด้วยความยากลำบาก ท่านมักจะพูดถึงอดีตของท่านอยู่เสมอ โดยกล่าวว่า :

     " ฉันได้เติบโตมาในสภาพที่เป็นเด็กกำพร้า ได้อาศัยอยู่กับท่านร่อซูลในสภาพที่เป็นผู้ขัดสนยากจน และเคยเป็นลูกจ้างของหญิงคนหนึ่ง ชื่อยุศเราะห์ บินติ ฆ็อซวาน แต่แล้วอัลเลาะห์ก็ได้ทรงความเมตตา กรุณาให้ฉันได้แต่งงานกับหญิงคนนี้ ดังนั้นมวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ผู้ซึ่งยกฐานะฉันด้วยศาสนาอันเที่ยงธรรม (หมายถึงให้ผู้ชายเป็นผู้ดูแลผู้หญิง แม้ว่านางจะเคยเป็นนายของเขามาก่อน)"

             ชีวิตของท่านอบูฮุรอยเราะห์ หลังจากที่ท่านได้แต่งงานไปแล้วก็มิได้ทำให้ท่านละทิ้งการแสวงหาวิชาความรู้ ท่านกลับเพิ่มความสนใจมากขึ้นและขยันในการทำอิบาดะห์อีกด้วย ท่านถือศีลอดในเวลากลางวันและท่านละหมาดตะฮัจญุจในเวลากลางคืนเป็นประจำ ท่านจะทำตะฮัจญุจ 1 ใน 3 ช่วงแรกของกลางคืน เมื่อเสร็จแล้วท่านจะปลุกภรรยาของท่านทำตะฮัจญุจ 1 ใน 3 ช่วงที่สอง

             และหลังจากนั้นภรรยาของท่านก็จะปลุกลูกสาวของนางให้ตื่นทำตะฮัจญุจ 1 ใน 3 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้าย ของกลางคืนการกระทำของท่านอบูฮุรอยเราะห์กับภรรยาและลูกเป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นว่า การทำอิบาดะห์ตลอดคืนภายในบ้านของท่านนั้นไม่เคยขาดตอนเลย

ครั้งหนึ่ง ลูกสาวของท่านได้กล่าวแก่ท่านว่า :

          " พ่อจ๋าเพื่อนของฉันได้ตำหนิฉันโดยกล่าวว่า ทำไมพ่อของเธอจึงไม่ให้เธอใส่เครื่องประดับที่เป็นทองคำ "

ท่านอบูฮุรอยเราะห์ตอบลูกว่า :

          " ลูกรัก ลูกช่วยบอกเพื่อนของลูกว่า แท้จริง พ่อของฉันเกรงว่าไฟนรกจะประสบกับฉัน"

             การที่ท่านอบูฮุรอยเราะห์ ไม่ให้ลูกสาวของตนสวมใส่เครื่องประดับที่เป็นทองนั้น มิใช่เพราะท่าน เป็นคนตระหนี่ หรือสะสมเงินทอง หรือเห็นว่าการสวมใส่เครื่องประดับที่เป็นทองเป็นสิ่งต้องห้าม สำหรับสตรีก็หาไม่ หากแต่ท่านเห็นว่าบรรดาธิดาของท่านรอซูล  ตลอดจนบุตรีของบรรดาซอฮาบะห์ผู้อาวุโสที่มีฐานะร่ำรวยนั้นต่างก็ไม่สนใจในการใส่เครื่องประดับ และเห็นว่าการบริจาคในหนทางของอัลเลาะห์ และการต่อสู้เพื่อศาสนานั้นเป็นสิ่งสำคัญกว่า ซึ่งการเสียสละในสิ่งที่ไม่ได้เป็นที่ต้องห้ามแต่ประการใดในการสวมใส่เครื่องประดับนี้นั้น เป็นผลดีอย่างใหญ่หลวงแก่บรรดาสตรี

            การกระทำของท่านอบูฮุรอยเราะห์ นับเป็นตัวอย่างอันดีงามสำหรับผู้ที่เป็นบิดามารดา เพราะการเป็นอยู่ของลูกนั้นขึ้นอยู่กับการอบรมในระยะแรกที่เขายังเป็นเด็ก ในขณะเดียวกัน ผู้ที่เคยศึกษาประวัติของท่านมาแล้ว จะพบว่าท่านมิได้เป็นคนตระหนี่ หากแต่เป็นผู้ใจบุญ และเสียสละเงินทอง ไปในหนทางของอัลเลาะห์อย่างมากมาย

โปรดติดตามตอนต่อไป


  Click<<< ท่านอบู ฮุรอยเราะห์ อัดเด๊าซีย์ 1                                 ท่านอบู ฮุรอยเราะห์ อัดเด๊าซีย์ 3>>>Click