ท่าทีของท่านเราะซูล ต่อพวก นะซอรอ (คริสเตียน)
ชาวคริสเตียนที่อาศัยอยู่ที่คาบสมุทรอาหรับนั้นมีจำนวนน้อย ชาวคริสเตียนได้อยู่รวมกันที่เมืองนัจญ์รอน ซึ่งมีชาวอาหรับบางเผ่าที่อยู่ติดกับประเทศชามได้เข้ารับนับถือศาสนาคริสต์ เพราะอยู่ห่างไกลจากการแต่งตั้งนะบีในช่วงปีแรก และไม่ปรากฏว่ามีการกระทบกระทั่งกันระหว่างพวกเขากับมุสลิมแต่อย่างใด
กษัตริย์แห่งเอธิโอเปีย เป็นชาวคริสเตียนที่มีน้ำใจงดงาม มีจิตใจเมตตาต่อมุสลิมที่อพยพไปอยู่ที่นั่นและมีความยุติธรรม หลังจากที่อิสลามมีความเข้มแข็งขึ้น ภายหลังที่ได้พิชิตเมือง คอยบัร และเมืองมักกะฮ์แล้ว ท่านเราะซูล ได้เริ่มทำการเผยแพร่ศาสนาอิสลามไปทั่วคาบสมุทรอาหรับ และบริเวณโดยรอบ ท่านเราะซูล เริ่มส่งสาส์นไปยังกษัตริย์ของเมืองต่างๆ เรียกร้องเชิญชวนให้ผู้นำเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม และนี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้กับชาว คริสเตียน
ชาวคริสเตียน นัจญ์รอน
ท่านเราะซูล ได้ส่งสาส์นไปถึง อัซก็อฟ ผู้นำแห่งนัจญ์รอนเพื่อเรียกร้องเชิญชวนให้เข้ารับศาสนาอิสลาม ผู้ปกครองนัจญ์รอนได้ปรึกษาหารือกับคณะที่ปรึกษา โดยให้ส่งคณะผู้แทนไปเจรจากับท่านนะบีมุฮัมมัด และไปสืบเรื่องราวทั้งหมด เมื่อคณะผู้แทนได้เข้าไปพบท่านเราะซูล และได้เจรจาถึงปัญหาในประเด็นต่างๆ ท่านเราะซูล ได้ตอบข้อซักถามในประเด็นปัญหาเหล่านั้น จนกระทั่งพวกเขาได้ถามถึงท่านนะบีอีซา อะลัยฮิสสลาม ท่านนะบี กล่าวว่า :
ماعندي فيه شيئ يومي هذا
ฉันยังไม่มีคำตอบใด ๆ เกี่ยวกับเขา (อีซา)ในวันนี้...
เช้าวันรุ่งขึ้น ท่านนะบี ได้ไปพบพวกเขา และอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ประทานคำตอบลงมาให้แก่ท่านในเรื่องเกี่ยวกับท่านนะบีอีซา อะลัยฮิสสลาม ดังดำรัสของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ว่า :
แท้จริง อุปมาอีซา ณ ที่อัลลอฮ์ อุปมัยดั่งอาดัม พระองค์ทรงบังเกิดเขาขึ้นมาจากดิน ต่อมาพระองค์ได้ทรงประกาศิตแก่เขาว่า จงเป็นขึ้นมาเถิด แล้วเขาก็เป็นขึ้นมา ( อาละอิมรอน 3 : 59 )
แต่พวกคริสต์ไม่ยอมรับข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับท่านนะบีอีซา อะลัยฮิสสลาม ท่านเราะซูล จึงให้พวกเขาทำการขอดุอาอ์สาปแช่งกัน(มุบาฮะละฮ์) ตามความเป็นจริงที่มีอยู่ในอายะฮ์ที่ 2 แต่คณะผู้แทนของนัจญ์รอน กลัวการลงโทษจากการสาปแช่ง (มุบาฮะละฮ์) จะเกิดขึ้น จึงไม่ตอบรับคำขอของท่านเราะซูล และยอมจ่ายภาษีคุ้มครอง(ญิซยะฮ์)ให้ และให้กำหนดจำนวนญิซยะฮ์ ที่จะต้องจ่ายให้ด้วย ท่านเราะซูล จึงส่งสาส์นไปพร้อมกับคณะผู้แทนเพื่อส่งมอบให้กับผู้ครองเมือง นัจญ์รอน โดยกำหนดจำนวน ญิซยะฮ์ ที่จะต้องจ่ายเป็น ฮุลละฮ์ (เสื้อคลุมยาว) 2,000 ชุดต่อปี เมื่อคณะผู้แทนเดินทางกลับยังเมืองนัจญ์รอน เพียงระยะเวลาหนึ่ง อัซก็อฟ ผู้ปกครองเมืองนัจญ์รอนได้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเดินทางมายังเมืองมะดีนะฮ์ และพำนักอยู่กับท่านเราะซูล พวกเขาได้ยินอัลกุรอานที่ถูกประทานลงมาให้แก่ท่านเราะซูล เมื่อพวกเขาเดินทางกลับ ท่านเราะซูล ส่งสาส์นยืนยันความปลอดภัยต่อสิ่งที่พวกเขาได้แก้ไขปรับปรุงและแสดงความบริสุทธิ์ใจ ได้มีคริสเตียนนัจญ์รอน จำนวนหนึ่งเข้ารับศาสนาอิสลามก่อนที่ท่านเราะซูล จะเสียชีวิต (*1*)
ชาวคริสเตียนทางภาคเหนือ
กลุ่มนี้เป็นตัวแทนที่อยู่ในประเทศโรมัน และเป็นตัวแทนชาวอาหรับที่มีความสัมพันธ์กับพวกโรมัน เริ่มมีการสู้รบกับมุสลิมขณะที่พวกคริสเตียนได้สังหารทูตที่ทำหน้าที่ถือสาส์นไปเผยแพร่ และบางกลุ่มเข้าไปท้าทายยั่วยุให้หน่วยทหารที่ส่งไปทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนามีความโกรธ(*2*) ด้วยเหตุนี้ ท่านเราะซูล จึงส่งตัวแทน และซะรอยา (กองทหารซึ่งมีจำนวน 5 นายถึง 300 นาย) ไปยังชาวคริสต์เพื่อตอบโต้ในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ และเป็นจุดเริ่มต้นในการเผยแพร่ศาสนาอิสลามภายนอกคาบสมุทรอาหรับ เพื่อทำหน้าที่เผยแพร่สาส์นให้บรรลุความเป็นจริง ในปีที่ 8 แห่งฮิจญ์เราะฮ์ศักราช ท่านเราะซูล ได้ส่งกองกำลังทหารจำนวน 3,000 นายไปเผชิญหน้ากับพวกโรมันที่ มุอ์ตะฮ์ ในครั้งนั้นทำให้ผู้ที่ท่านเราะซูล แต่งตั้งให้บัญชาการรบคนที่หนึ่ง คนที่สองและคนที่สาม ตั้งแต่ก่อนออกเดินทางจากเมืองมะดีนะฮ์ ทำหน้าที่ต่อเนื่องตามลำดับ และแม่ทัพทั้งสามได้ตายเป็นชะฮีดทั้งหมด และในปีที่ 9 ท่านเราะซูล มีคำสั่งให้ซอฮาบะฮ์เดินทางไปทางทิศเหนือพร้อมกับท่าน ในนามของหน่วยทหารอัลอุซเราะฮ์ หรือหน่วยทหารสงครามตะบู๊ก หน่วยทหารอัลอุซเราะฮ์ ได้เรียกความน่าเกรงขาม และเกียรติภูมิของมุสลิมกลับคืนมา โดยที่พวกโรมันและเผ่าอาหรับบางกลุ่มที่นับถือศาสนาคริสต์ มิได้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้าต่อต้านมุสลิมเหมือนอย่างที่ได้เคยลุกขึ้นมาต่อต้านที่สมรภูมิ มุอ์ตะฮ์ ต่อมาท่านเราะซูล ได้ส่งกองกำลังทหารออกปราบปรามชนเผ่าอาหรับบางกลุ่มที่อยู่ที่นั่น และทำสัญญาประนีประนอมกับกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มเหล่านั้น (*3*)
ก่อนที่ท่านเราะซูล จะเสียชีวิตเล็กน้อย ท่านได้เตรียมกองทหารเพื่อไปทำสงครามกับพวกโรมัน โดยแต่งตั้งให้ท่าน อุซามะฮ์ เป็นผู้บัญชาการรบ แต่ท่านเราะซูล ได้เสียชีวิตก่อนที่กองทหารจะเคลื่อนทัพออกจากมะดีนะฮ์ และเมื่อท่านอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้ขึ้นเป็นคอลีฟะฮ์ (ผู้ปกครอง) ท่านจึงได้ดำเนินตามแนวทางที่ท่านเราะซูล ได้กำหนดไว้
ดร.อัดุลลอฮฺ อิบนุ อับดิรเราะฮ์มาน อัลค็อรอาน
...ประเด็นต่างๆในการศึกษาชีวประวัตินะบีมุฮัมมัด
- จากรายละเอียดต่าง ๆ ของคณะผู้แทนนัจญ์รอน ดูในหนังสือของ ดะลาอิล อันนุบูวะฮฺ เล่ม 5 หน้า 385 391 อัซซีเราะฮฺ อันนะบะวียะฮฺ ของท่านอิบนุ กะซี๊รฺ เล่ม 4 หน้า 100 108 และฮะดีษที่เกี่ยวกับ อัลมุบาฮะละฮฺ ที่มีปรากฎอยู่ในซ่อฮี๊ฮฺ อัลบุคอรีย์ บทที่ว่าด้วยเรื่อง อัลมะฆอซีย์ เรื่อง คณะผู้แทนนัจญ์รอน
- เช่นการสังหารทูตของท่าน ร่อซูล คือท่าน อัลฮาริส อิบนุ อุมัยรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ที่ได้ถูกส่งไปยังผู้ปกครองเมืองบุศรอฺ ในหนังสืออุซุดุลฆอบะฮ์ ของอิบนิ อะซี๊ร์ เล่ม 1 หน้า 341 และพวกเขาได้สังหารกลุ่มบุคคลที่ท่านร่อซูล แต่งตั้งไปโดยการนำของท่านกะอ์บฺ อิบนิ อุบัยย์ (ดูในอัซซีเราะฮฺ อันนะบะวียะฮฺ ของอิบนิ กะซี๊รฺ เล่ม 3 หน้า 454 จากท่านอัลวากิดีย์
- เช่นได้ทำสัญญาประนีประนอมกับกษัตริย์ อัยละฮฺ ดูซ่อฮี๊ฮฺ อัลบุคอรีย์ บทที่ว่าด้วยเรื่องภาษีหัว ( อัลญิซยะฮฺ) ภาค เมื่ออิมามอำลา เลขฮะดีษที่ 3