การพิชิตนครมักกะฮ์
สาเหตุของการพิชิต
หลังจากที่ได้ทำข้อตกลงประนีประนอม ณ ฮุดัยบียะฮ์ 18 เดือน จึงเกิดสงครามระหว่างเผ่าคุซาอะฮ์ซึ่งเป็นมิตรของมุสลิม กับเผ่าบนีบักร์ ซึ่งร่วมกับชาวกุเรช โดยพวกกุเรชเข้ามาแทรกแซงและให้การสนับสนุนในการทำสงคราม แต่ตามเงื่อนไขของสนธิสัญญาประนีประนอมที่ฮุดัยบียะฮ์ได้บ่งบอกไว้ว่า การละเมิดใดๆก็ตามที่มีต่อมิตรของมุสลิม ให้ถือว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญาที่ได้ทำกันไว้ เพราะฉะนั้นจึงถือว่ากุเรชได้ทำผิดสนธิสัญญาประนีประนอม ด้วยเหตุนี้ท่านเราะซูล ให้ความช่วยเหลือเผ่าคุซาอะฮ์ ทันทีที่พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือมา
บรรดามุสลิมได้เคลื่อนทัพสู่นครมักกะฮ์ และทำการพิชิตนครมักกะฮ์
พวกกุเรชรู้สึกเสียใจต่อการเข้าไปรุกรานมิตรของท่านเราะซูล จึงส่งอบูซุฟยานไปหาเพื่อยืนยันในข้อตกลงสงบศึก แต่ได้รับความล้มเหลวในการเจรจา อบูซุฟยานจึงเดินทางกลับมักกะฮ์อย่างผู้ผิดหวัง ท่านเราะซูล ได้มีคำสั่งให้บรรดาซอฮาบะฮ์เตรียมพร้อมเพื่อออกเดินทาง โดยที่มิได้แจ้งให้ทราบถึงทิศทางที่จะไป จนเมื่อกำหนดเวลามาถึง ท่านเราะซูล ได้แจ้งให้บรรดาซอฮาบะฮ์ทราบถึงความประสงค์ที่จะไปทำสงครามที่นครมักกะฮ์ ท่านต้องการจู่โจมพวกกุเรชอย่างกระทันหันไม่ให้ระวังตัว เพื่อจะได้ยอมจำนนโดยไม่มีการต่อสู้กัน
บรรดามุสลิมได้ออกเดินทางไปกับท่านเราะซูล ในวันที่ 10 เดือนรอมฎอน ปีที่ 8 แห่งฮิจญ์เราะฮ์ศักราช มีจำนวนทั้งสิ้น 10,000 นาย เมื่อบรรดามุสลิมเดินทางเข้ามาใกล้นครมักกะฮ์ มีผู้นำกุเรช อบูซุฟยานได้มองเห็นกองกำลังของมุสลิมในขณะที่กำลังลาดตระเวนอยู่ จึงรีบเดินทางกลับเข้ามักกะฮ์ เพื่อเรียกร้องให้ชาวมักกะฮ์ยอมจำนน และห้ามมิให้ทำการต่อต้านใดๆ ท่านเราะซูล ได้กระจายกองกำลังเข้านครมักกะฮ์ และห้ามมิให้สังหารผู้ใด เว้นแต่มีคนต่อสู้ขัดขวางและสังหารมุสลิมก่อน มุสลิมจึงได้รับความสำเร็จในการเข้าสู่นครมักกะฮ์ ทันทีที่ท่านเราะซูล เข้าไปในนครมักกะฮ์ ท่านได้ประกาศให้ความปลอดภัยแก่ทุกคนที่อยู่ในบ้านเรือนของตน และใครก็ตามที่เข้าไปในบ้านของอบูซุฟยาน เขาผู้นั้นจะได้รับความปลอดภัย ผู้ใดวางอาวุธเขาก็เป็นผู้ที่ปลอดภัยเช่นกัน
ท่านเราะซูล เข้าในนครมักกะฮ์อย่างสำรวมนอบน้อมต่อพระผู้เป็นเจ้า ท่านมิได้เข้าไปเหมือนดังกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ หรือต้องการจะทำการแก้แค้นศัตรู ทั้งๆที่มุสลิมได้ประสบกับความเจ็บปวด การถูกทำร้าย ถูกรังแก จากชาวมักกะฮ์มากมายทั้งก่อนและหลังการอพยพ ท่านเราะซูล ได้ประกาศต่อหน้ากลุ่มชนชาวกุเรชที่อยู่ในสภาพกระวนกระวายใจว่า :
ท่านทั้งหลายคิดว่าฉันจะทำอย่างไรกับพวกท่าน ?พวกเขากล่าวว่า :
ท่านจะต้องทำในสิ่งที่ดีแน่ ๆ เพราะท่านเป็นคนมีเมตตา และเป็นลูกของคนมีเมตตา
ท่านเราะซูล กล่าวว่า :
((لا تثريب عليكم اليوم يغفر الله لكم ))
วันนี้ ไม่มีการตำหนิติเตียนต่อพวกท่านแต่ประการใด เพราะอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกท่าน (*1*)ท่านเราะซูล ได้ให้อภัยแก่ชาวมักกะฮ์ เว้นแต่คนที่ทำผิดข้อสัญญาและข้อตกลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขายังล่วงละเมิดด้วยการเยาะเย้ยถากถางท่าน และศาสนาของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ท่านจึงสั่งให้ฆ่าพวกเหล่านั้น และได้ทำลายรูปบูชารูปปั้นทั้งหมด และชำระล้างมัสญิดฮะรอมให้สะอาด บริสุทธิ์จากรูปบูชาเหล่านั้น ท่านเราะซูล ได้ส่งซอฮาบะฮ์ไปทำลายรูปบูชาของเผ่าอื่นๆด้วย การพิชิตนครมักกะฮ์ และการให้อภัยชาวมักกะฮ์ทั้งหมด ทำให้พวกเขาเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม การต่อต้านจึงได้ยุติลง
ผลสำเร็จของการพิชิตมักกะฮ์
การพิชิตมักกะฮ์เป็นการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายกับพวกปฏิเสธชาวกุเรช และด้วยการยอมจำนน ทำให้อุปสรรคที่กีดขวางแนวทางของอิสลามต้องหมดสิ้นไป มีชนเผ่าต่างๆ คิดว่าจะต้องมีการต่อสู้ระหว่างมุฮัมมัดกับพวกกุเรชเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อการต่อต้านของพวกกุเรชยุติลงแล้ว และพวกเขาได้เข้ารับอิสลาม ชนเผ่าอื่นๆจึงทยอยกันเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม (*2*)
ในกรณีนี้ อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ประทานซูเราะฮ์ อันนัศร์ ลงมา ;
เมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮ์ และการพิชิตได้มาถึงแล้วและเจ้า(มุฮัมมัด)ได้เห็นประชาชนเข้ารับศาสนาของอัลลอฮ์กันเป็นหมู่ๆ
ดังนั้นจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษเสมอ
(อันนัศร์ 110 : 1-3)
สิ่งที่แสดงว่ามีผู้คนเข้ารับศาสนาอิสลามกันเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ได้พิชิตมักกะฮ์แล้ว ในสงครามฮุนัยน์ ซึ่งเกิดขึ้นหลังการพิชิตมักกะฮ์ ได้มีนักรบเข้าร่วมในสงครามถึง 12,000 นาย (*3*)
เผ่าซะกีฟสรรหาผู้นำในการทำชิริก การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
ชนเผ่าซะกีฟ ซึ่งเป็นเผ่าใหญ่ของเผ่าฮะวาซิน พยามทำหน้าที่เป็นหัวหน้าขบวนการทำชิริก ปกป้องคุ้มครองการทำชิริก และสู้รบกับบรรดามุสลิมแทนเผ่ากุเรช ด้วยเหตุนี้หลังจากที่ได้พิชิตมักกะฮ์แล้วกองกำลังมุสลิมจึงมุ่งหน้าไปปราบปราม และได้สู้รบกันที่สมรภูมิ ฮุนัยน์
การปะทะกันครั้งแรกพวกฮะวาซิน มีทหารถึง 20,000 นาย พวกเขาจึงได้เปรียบในการต่อสู้ แต่การต่อสู้ในครั้งที่สองมุสลิมกลับเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ ทำให้เผ่าซะกีฟและเผ่าอื่น ๆ เช่น จากเผ่าฮะวาซินต้องพ่ายแพ้ไปด้วย มุสลิมจึงได้ทรัพย์เชลยมากมายจากสมรภูมิครั้งนั้น
การพ่ายแพ้ของพวกเผ่าซะกีฟในสมรภูมิ ฮุนัยน์ ถือว่ายังไม่ยุติ ท่านเราะซูล ได้มุ่งหน้าไปยัง ฏออิฟ และใช้เวลาปิดล้อมพวกเขาไว้ระยะหนึ่ง ต่อมา ท่าน ได้เดินทางกลับมะดีนะฮ์ เมื่อเผ่าซะกีฟ เห็นว่าผู้คนที่อยู่บริเวณรอบๆได้เข้ารับอิสลามทั้งหมดแล้ว พวกเขาจึงเข้ารับอิสลามเหมือนกับคนอื่น ๆ พวกเขาได้เดินทางมายังเมืองมะดีนะฮ์ ในปีที่ 9 แห่งฮิจญ์เราะฮ์ศักราช เพื่อประกาศการเข้ารับอิสลาม (*4*)
ดร.อัดุลลอฮฺ อิบนุ อับดิรเราะฮ์มาน อัลค็อรอาน
...ประเด็นต่างๆในการศึกษาชีวประวัตินะบีมุฮัมมัด
- อบู อุบัย: บทที่ว่าด้วยเรื่องของ อัลอัมวาล (ทรัพย์สิน) เล่ม 1 หน้า 202 ซีเราะฮฺอิบนิ ฮิชาม เล่ม 4 หน้า 32 ในซีเราะฮฺ มีข้อความว่า พวกท่าน ทั้งหลายจงไปได้แล้ว พวกท่านเป็นผู้มีอิสระเสรี และดูในตัครีจตุรุก การระบุถึงสายรายงานฮะดีษและการตรวจสอบสายรายงาน ที่มาของเรื่องนี้ ของมะฮฺดีย์ ร่อซะกั้ลลอฮฺ อัซซีเราะฮฺ อันนะบะวียะฮฺ หน้า 569 และได้กล่าวไว้หลังจากได้ระบุไว้ในรายงานต่าง ๆ แล้วว่า ฮะดีษนี้มีน้ำหนักเชื่อถือได้ด้วยสายสืบนี้
- ดูจากซ่อฮีฮุลบุคอรีย์ : บทที่ว่าด้วยเรื่องสงคราม/ภาคพิชิตมักกะฮฺ ฮะดีษที่ 4302 ในหนังสือ อัลฟัตฮฺ อัรร็อบบานีย์ เล่ม 8 หน้า 22
- ซีเราะฮฺ อิบนิ ฮิชาม : ตารีค ค่อลีฟะฮฺ อิบนิ คอยยาฏ หน้า 88 ฏ่อบาก็อต อิบนิ ซะอ์ดิ เล่ม 2 หน้า 154 -155 และดู อัลอุมะรีย์ อัซซีเราะฮฺ อันนะบะวียะฮฺ อัซซอฮีฮะฮฺ เล่ม 2 หน้า 496.
- สงคราม ฮุนัยนฺ และการปิดล้อมฏออิฟไว้ ดู อัลบุคอรีย์ อัลมะฆอซีย์ บทดำรัสของอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ว่า :
(( وَيَوْمَ حُنَيْن إِذْ أَعْجَبَتْكُمْ كَثْرَتكُم )) และในวันแห่งสงคราม ฮุนัยนฺ ด้วยขณะที่การมีจำนวนมากของพวกเจ้าทำให้พวกเจ้าชะล่าใจ หน้า 54 และบทสงคราม อัฏฏออิฟ หน้า 56 ซีเราะฮฺ อิบนุ ฮิชาม เล่ม 4หน้า 65,127 .