การอพยพของท่านนะบีมุฮัมหมัด
เมื่อผู้ปฏิเสธชาวกุเรชเห็นว่าบรรดามุสลิมได้อพยพ และรอดพ้นจากน้ำมือพวกเขาไปได้ จึงทวีความโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น จึงทำให้รู้ว่าภัยอันตรายที่คิดว่ามาจากนะบีมุฮัมมัด และการเผยแพร่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนถ้าไม่จัดการเสีย หากปล่อยให้บรรดามุสลิมและศาสนทูตอพยพไปมะดีนะฮ์สำเร็จ นั่นหมายความว่า บรรดามุสลิมจะต้องทำสงครามต่อต้านอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีทางอื่นอีก และจะชักช้าไม่ได้แล้ว พวกเขาจึงเรียกประชุมที่ ดารุ้ลนัดวะฮ์ (دارالندوة ) เพื่อคิดหาวิธีจัดการกับมุฮัมมัด ซึ่งอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงแจ้งเรื่องนี้ไว้ในอัลกุรอานถึงการประชุมตลอดจนความคิดเห็นที่ถูกเสนอในที่ประชุม ดังที่ทรงตรัสว่า :
และจงรำลึกถึงขณะที่ บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้วางแผนต่อเจ้า(มุฮัมมัด) เพื่อกักขังเจ้า หรือเพื่อจะฆ่าเจ้า หรือขับไล่เจ้าออกไป และพวกเขาได้วางแผนกัน และอัลลอฮ์ ก็ทรงวางแผน และอัลลอฮ์ นั้นเป็นผู้ทรงเยี่ยมกว่าในบรรดาผู้ที่วางแผน (อัลอันฟาล 8 : 30)
แล้วที่ประชุมได้เห็นชอบตามข้อเสนอของอบีญะฮ์ล ที่เสนอให้ทำการสังหารท่านนะบีมุฮัมมัด โดยคัดเลือกชายหนุ่มจากทุกเผ่า เผ่าละหนึ่งคน เพื่อร่วมกันสังหารท่านนะบีมุฮัมมัด พร้อมกัน ซึ่งจะทำให้เป็นการยากลำบากแก่เผ่าของท่านนะบี ในการที่จะตอบโต้บรรดาเผ่าต่างๆได้ และในที่สุดเผ่าของท่านนะบีมุฮัมมัด จะต้องจำใจรับเอาค่าสินไหมเป็นการทดแทน แล้วแผนการสังหารได้ถูกกำหนดขึ้น ภายใต้การควบคุมของอบีญะฮ์ลฺ
ท่านเราะซูล ได้กระทำการเผยแผ่ และใช้วิธีการต่างๆในการเชิญชวนชาวมักกะฮ์ แต่ท่านได้พบว่าถึงทางตันเสียแล้ว ณ จุดนี้เอง จึงมีคำบัญชาจากอัลลอฮ์ ให้ท่านได้อพยพ ทันทีที่ท่านนะบีได้รับคำสั่ง จึงรีบทำการการอพยพ และมั่นใจว่า อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา คือผู้ทรงสนับสนุน เป็นผู้ทำให้การงานสำเร็จลุล่วงอย่างแน่นอน ท่านได้ทำสิ่งที่ควรกระทำ และปล่อยเรื่องเหนือความสามารถไว้กับอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่จะทรงเป็นผู้ช่วยเหลือ ท่านให้ อาลี บิน อบีฏอลิบ มานอนแทนบนที่นอนในคืนที่มีการนัดหมายจะสังหารท่าน ในขณะเดียวกันได้ให้ท่านอบูบักร์จัดเตรียมพาหนะ และได้ตกลงกับผู้ที่รู้เส้นทางเพื่อนำทางไปยังมะดีนะฮ์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก และเลือกถ้ำเซ๊าร์เป็นที่หลบซ่อนตัว 3 วัน จนกระทั่งการค้นหาเพลาลง
สถานที่ตั้งของถ้ำ เซ๊าร์ นั้น อยู่ตรงข้ามกับเส้นทางที่จะไปมะดีนะฮ์ ท่านอยู่ที่นั่นเพื่อหลบบรรดาผู้ตามล่า โดยที่ อับดุลลอฮ์ บุตรชายของอบูบักร์ จะมาหาคนทั้งสองที่ถ้ำในตอนกลางคืน เพื่อแจ้งข่าวความเคลื่อนไหวของพวกกุเรชและเรื่องราวต่างๆที่ได้ยินมา แล้วจะกลับไปก่อนรุ่งสาง เช่นเดียวกับที่ อามิร บิน ฟุฮัยเราะฮ์ คนรับใช้ของอบูบักร จะมาพร้อมฝูงแพะที่เขาเลี้ยงดูอยู่ เหมือนคนเลี้ยงเแพะ และรอให้ถึงเวลาที่ความมืดปกคลุมไปทั่ว แล้วนำเอานมให้ท่านทั้งสองได้ดื่มกิน ท่านนะบี ได้ทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นแบบอย่างและบทเรียนให้แก่ประชาชาติของท่าน
สำหรับสิ่งที่นอกเหนือจากความสามารถของมนุษย์ เป็นเรื่องของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พระองค์จะทรงจัดการเรื่องนั้นเอง โดยที่พระองค์ทรงให้ท่านนะบี ออกจากบ้านทั้งๆ ที่พวกกุเรชได้ปิดล้อมอยู่ และพวกนั้นไม่สามารถมองเห็นท่านได้ อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงพรางตา พวกเขาจึงมองไม่เห็นท่านนะบี ขณะที่บางคนไปถึงถ้ำที่หลบซ่อนตัวอยู่เพื่อค้นหา จนกระทั่งถ้าคนใดในพวกนั้นก้มมองลงไปที่เท้าทั้งสองของตัวเองก็จะพบเห็นคนทั้งสองทันที ท่านอบูบักรรู้สึกวิตกกังวลมาก ว่าท่านนะบี จะไม่ปลอดภัย ท่านนะบี จึงได้พูดกับ อบูบักร ว่า :
(( ماظنك ياأبابكر بإثنين الله ثالثهما ))
โอ้อบูบักร อย่านึกว่าเราจะอยู่กันเพียงแค่สองคนเท่านั้น อัลลอฮซุบฮานะฮูวะตะอาลา ต่างหากคือผู้ที่สาม ที่ทรงอยู่กับเรา (*1*)
อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงทำให้พวกนั้นมองไม่เห็น พวกเขาจึงกลับไปโดยมั่นใจว่าในถ้ำนั้น ไม่มีใครอาศัยอยู่สักคน สุรอเกาะฮ์ บิน มาลิก ได้ปกปิดเรื่องราวของท่านนะบี เพื่อหวังจะได้รับรางวัลที่พวกกุเรชประกาศไว้ สำหรับผู้ที่สามารถนำตัวมุฮัมมัดกลับมา ขณะเดินทางเขาตามมาทันท่านทั้งสองปรากฏว่าในแต่ละครั้งที่ม้าเข้าไปใกล้ เท้าม้าทั้งสี่ข้างก็จมลงในดิน เขาจึงทราบทันทีว่า แท้จริง อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงปกป้องท่านให้พ้นจากการจับกุม เขาจึงต่อรองกับท่านเราะซูล ให้ทำหนังสือรับรองเพื่อเป็นหลักฐาน ท่านนะบี จึงได้ทำหนังสือรับรองให้แล้วเขาก็กลับไป
ท่านนะบี และอบูบักรได้ออกจากถ้ำนั้นหลังจากที่ได้พักอยู่สามวันพร้อมกับคนนำทาง โดยใช้เส้นทางชายฝั่งทะเลซึ่งไม่ค่อยมีคนใช้มากนัก ส่วนบรรดาชาวมะดีนะฮ์ ที่เป็นมุสลิมเมื่อได้ยินข่าวว่าท่านเราะซูล ได้ออกจากมักกะฮ์มาแล้ว พวกเขาได้มารวมตัวกันนอกเมือง เพื่อรอคอยการมาถึงของท่านนะบีตั้งแต่เช้าตรู่ จนกระทั่งบ่ายคล้อย พอแดดจัดก็กลับเข้าบ้านไป ทำอยู่เช่นนี้ทุกวัน เมื่อวันที่ท่านนะบีมาถึงพวกเขารอคอยอยู่จนกระทั่งดวงอาทิตย์คล้อย แล้วก็ไม่พบร่มเงาใดๆบังแดดพวกเขาจึงกลับไป แล้วคณะของท่านเราะซูล อัลมุบาร็อก ได้มาถึงในช่วงที่พวกเขากลับกันหมดแล้ว แต่มียิวคนหนึ่งเห็นคณะของท่าน เขาจึงส่งเสียงร้องตะโกนบอกบรรดามุสลิม ถึงการมาของผู้ที่กำลังรอคอยอยู่ ท่านนบี ได้มาถึงแล้ว บรรดามุสลิมได้ออกมาต้อนรับด้วยความปิติยินดี ความสุขกระจายไปทั่วในวันอันเป็นที่ประจักษ์ ฝูงชนทั้งผู้ใหญ่ เด็ก ผู้หญิง และเด็กเล็กๆ ต่างร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงแห่งความปลื้มปิติว่า :
ท่านเราะซูลุลลอฮ์ มาถึงแล้ว ท่านเราะซูลุลลอฮ์ มาถึงแล้ว !
ท่านเราะซูล ได้ลงพักที่ กุบาอ์ หลายวันและได้สร้างมัสญิดขึ้นหลังหนึ่ง ซึ่ง อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตรัสถึงเรื่องนี้ว่า :
เจ้าอย่าไปร่วมยืนละหมาดในมัสยิดนั้นเป็นอันขาด แน่นอน มัสยิดที่ถูกวางรากฐานบนความยำเกรงตั้งแต่วันแรกนั้นสมควรอย่างยิ่งที่เจ้าจะเข้าไปยืนละหมาดในนั้น เพราะในมัสยิดนั้นมีคณะบุคคลที่ชอบจะชำระตัวให้บริสุทธิ์ และอัลลอฮ์นั้นทรงรักบรรดาผู้ที่ชำระตัวให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ (อัตเตาว์บะฮ์ 9 : 108)
ต่อจากนั้น ท่านนะบี ได้ย้ายออกจาก กุบาอ เดินผ่านหลายหมู่บ้านของชาวอาหรับในมะดีนะฮ์ ผู้คนต่างยืนเรียงรายอยู่สองข้างทาง ห้อมล้อมต้อนรับท่านนะบี ทั้งชายและหญิง มีบางคนขึ้นไปบนหลังคาบ้าน บรรดาเด็กๆเรียงรายอยู่ตามท้องถนน ร้องตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า :
โอ้ มุฮัมมัด โอ้เราะซูลของอัลลอฮ์
ในแต่ละครั้งที่ท่านผ่านหมู่บ้าน พวกเขาจะพากันจับเชือกสะพายอูฐของท่านนะบี แล้วขอให้พักที่บ้านของพวกเขา ท่านนบี จึงกล่าวว่า :
ท่านทั้งหลาย ปล่อยมันเถิด แท้จริงแล้ว มันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
ในที่สุด อูฐของท่านนะบี ได้คุกเข่าลงบริเวณที่ดินของลูกกำพร้าสองคนจาก บนีมาลิก บิน อันนัจญ๊าร ซึ่งท่านได้สร้างมัสญิดขึ้นที่ตรงนั้น แล้วลงพักที่บ้านของ อบี อัยยู๊บ อัลอันซอรีย์ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ(*2*)
ท่านเราะซูล ได้พำนักกับบรรดาซอฮาบะฮ์ ในเมืองมะดีนะฮ์ ซึ่งประกอบไปด้วยชาวมักกะฮ์ ชาวมะดีนะฮ์ และบรรดามุสลิมจากเผ่าค็อชร๊อญ์ และ เผ่าเอ๊าซ์ พวกเขาได้ทำให้เป็นที่สัตย์จริงแล้วในคำสัตยาบันที่ให้ไว้กับท่านเราะซูลุลลอฮ์ คือให้มีที่อาศัยพักพิงแก่ท่านเราะซูลที่มะดีนะฮ์ พวกเขามีความปลื้มปิติยินดี
บรรดาชื่อและสกุลที่เป็นโครงสร้างประจำเผ่าได้มลายหายไป คำว่า อัลมุฮาญิรีน กลายเป็นชื่อที่รู้จักกัน หมายถึงผู้ที่อพยพจากมักกะฮ์มายังมะดีนะฮ์ บรรดามุสลิมชาวมะดีนะฮ์ จึงได้ชื่อใหม่ว่า อัลอันศ็อร (ผู้ให้การช่วยเหลือ) ชื่อเมืองที่เคยเรียกว่า ยัษริบ มีชื่อใหม่ว่า มะดีนะตุรเราะซูล (เมืองของผู้เป็นเราะซูล)
จากการอพยพก่อให้เกิดผลในแง่ประวัติศาสตร์มากมาย ด้วยเหตุนี้การอพยพจึงเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งของประวัติศาสตร์อิสลาม ที่มุสลิมทั้งหลายต้องศึกษา และจารึกไว้ตราบจนกระทั่งวันกิยามะฮ์ เมื่อรัฐอิสลามได้เริ่มก่อตั้งขึ้น จึงต้องการพลังเพื่อปกป้องตนเองท่ามกลางกระแสสังคมที่เชี่ยวกราก ขณะที่บรรดาศัตรูจ้องฉวยโอกาสทำลาย และที่สำคัญคือการรวบรวมบรรดามุสลิมให้ได้มากที่สุด ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญและพลังของการดำเนินการ ด้วยเหตุนี้การอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮ์จึงเป็นภาระหน้าที่สำหรับบรรดามุสลิมทุกคนที่อยู่นอกเมืองมะดีนะฮ์ อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงคาดโทษบรรดาผู้ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งในการอพยพ ด้วยการลงโทษอย่างรุนแรงโดยไม่มีการละเว้น จะผ่อนปรนให้เฉพาะผู้ที่ไร้ความสามารถและบรรดาผู้ที่ถูกบีบบังคับ หรือถูกขัดขวางเท่านั้น
อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสไว้ว่า :
แท้จริง บรรดาผู้ที่มลาอิกะฮ์ได้เอาชีวิตของพวกเขาไปในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้ก่ออธรรมต่อตัวของพวกเขาเองนั้น มลาอิกะฮ์ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าปรากฏอยู่บนสิ่งใด ? พวกเขากล่าวว่า พวกเราเป็นผู้ที่ถูกนับว่าเป็นผู้ที่อ่อนแอในแผ่นดิน มลาอิกะฮ์ กล่าวว่า แผ่นดินของอัลลอฮ์ มิได้กว้างขวางพอดอกหรือที่พวกเจ้าจะอพยพไปอยู่ ชนเหล่านี้แหละ ที่อยู่ของพวกเขาคือ นรก ญะฮันนัม และเป็นที่กลับไปอันชั่วช้ายิ่งนัก (อันนิซาอ์ 4 : 97)
อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ยังได้ทรงสัญญากับบรรดาผู้ที่อพยพ ด้วยการให้ได้รับความดีอย่างท่วมท้น และผลบุญอันยิ่งใหญ่ ในคำตรัสของพระองค์ ที่ว่า :
และผู้ใดที่อพยพไปในหนทางของอัลลอฮ์ เขาจะพบว่าในผืนแผ่นดินนั้นมีความกว้างขวางและมีความมั่งคั่งอันมากมาย และผู้ที่ออกจากบ้านช่องของเขาไปในฐานะผู้อพยพไปยังอัลลอฮ์ และเราะซูลของพระองค์ แล้วความตายก็มาถึงเขา แน่นอน รางวัลของเขานั้นย่อมปรากฏอยู่แล้ว ณ ที่อัลลอฮ์ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ (อันนิซาอ์ 4 : 100)
ภายหลังจากที่รัฐอิสลามเข้มแข็ง มีพลังสามารถปกป้องตนเองได้ อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงมีบัญชาให้เผยแพร่ไปยังเผ่าต่างๆ ภายหลังสนธิสัญญาสงบศึกที่ อัลฮุดัยบียะฮ์ และหลังจากการพิชิตนครมักกะฮ์ได้แล้ว เรื่องฟัรฎู(บังคับ) ของการอพยพที่ได้เคยเป็นวาญิบ (สิ่งจำเป็น) จึงหมดไป
ท่านเราะซูล ได้กล่าวว่า :
لاهجرة بعد الفتح
ไม่มีการอพยพใดๆอีกแล้ว ภายหลังจากที่ได้พิชิตนครมักกะฮ์ (บันทึกโดย อิมาม บุคอรีย์) (*3*)
ดร.อัดุลลอฮฺ อิบนุ อับดิรเราะฮ์มาน อัลค็อรอาน
...ประเด็นต่างๆในการศึกษาชีวประวัตินะบีมุฮัมมัด
- ซอเฮี๊ย อัลบุคอรี กิตาบ ฟะฏออิ้ล อัศฮาบุ้ลนะบี บาบุมนากิบุ้ลมุฮาญิรีน มนากิบ อะบีบักร
- ซอเฮี๊ยมุสลิม 4/2311 และดู อัลอัมรี อัซซีร่อตุ้ลนะบวี อัศศ่อฮีฮะอฺ 1/218-219 - ดูการตัครีจฮะดิษ อัลอัมรี อัซซีร่อตุ้ลนะบวี อัศศ่อฮีฮะอฺ 1/219 สายรายงานฮะดิษ อยู่ในขั้น หะซันลิฆอยริฮี
- ซอเฮี๊ยบุคอรี กิตาบุ้ลญิฮาด บาบฟัดลุ้ลญิฮาดวัซซีร