สภาพของชาวอาหรับก่อนการแต่งตั้งศาสดา
ศาสนาของชาวอาหรับ
ก่อนที่มุฮัมมัดจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสดา ชนชาติอาหรับส่วนใหญ่เคารพบูชาเจว็ด(รูปปั้น) โดยพวกเขาเชื่อว่ามีพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกและเป็นผู้บริหารจัดการ
และหากเจ้าถามพวกเขา ว่าใครเป็นผู้สร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และทำให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ แน่นอน พวกเขาจะกล่าวว่า อัลลอฮ์ แล้วทำไมเล่าพวกเขาจึงหันเหไปทางอื่น
( อัลอังกะบู๊ต อายะห์ ที่ 61 )
แต่การเคารพเจว็ดของพวกเขา ทำให้มีการปฏิเสธการเคารพอัลลอฮ์ พวกเขาเอาเจว็ดมาเป็นภาคีในการทำอิบาดะฮ์ แต่ละเผ่าจึงมีเจว็ดไว้ทำการเคารพโดยเฉพาะ และพวกเขาปฏิเสธเรื่องการฟื้นคืนชีพหลังจากตายไปแล้ว ดังที่อัลลอฮ์ ตรัสไว้ในอัลกุรอาน ความว่า :
ไม่มีชีวิตอะไรอีก นอกจากการดำรงชีวิตของเราในโลกนี้เท่านั้น เราจะตายไป และ (บางคนในพวก)เราก็จะมีชีวิตอยู่ และพวกเราจะไม่ถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก
(อัลมุอฺมินูน อายะห์ ที่ 37 )
ความเชื่อเหล่านี้ได้ตกทอดต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย โดยพวกเขาไม่ได้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองถึงความถูกต้องในเรื่องดังกล่าวเลย เพียงแต่พูดว่า :
เปล่าเลย พวกเขากล่าวว่า แท้จริง เราได้พบเห็นบรรพบุรุษของเราอยู่ในแนวทางนี้ ดังนั้น เราจึงดำเนินตามแนวทางของพวกเขาเท่านั้น
(อัซซุครุฟอายะห์ ที่ 22)
นอกจากพวกอาหรับที่เคารพเจว็ดแล้ว ยังมีชนกลุ่มต่างๆ คือ พวกยะฮูดีย์ ที่เมืองยัซริบและเมืองคอยบัรส่วนทางเมืองนัจญ์รอน มีพวกนะซอรอ แต่มีจำนวนเพียงเล็กน้อยที่เข้าใจถึงความไม่ถูกต้องในการตั้งภาคีของชาวอาหรับชนกลุ่มน้อยเหล่านั้นจึงเคารพพระเจ้าตามศาสนาของอิบรอฮีมพวกนี้เรียกว่า المتحنثون
สภาพทางการเมือง การปกครอง
ก่อนการแต่งตั้งให้เป็นศาสดา มีหลายประเทศเกิดขึ้นในคาบสมุทรอาหรับ เช่น เยเมน ชาม และ อีรัก แต่ประเทศต่างๆเหล่านั้นได้ล่มสลายไปก่อนที่ท่านนะบี จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสดา จึงทำให้คาบสมุทรอาหรับมีระบบการปกครองที่ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การปกครองจึงเป็นในรูปแบบของแต่ละเผ่าแต่ละตระกูล ปกครองสมาชิกตามขนบธรรมเนียม และกฎระเบียบของแต่ละเผ่า โดยที่พวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้และปกป้องเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของเผ่าตน ซึ่งแต่ละเผ่าต้องรับผิดชอบในด้านการปกครองสมาชิก และยืนเคียงข้างเผ่าของพวกเขาไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็ตาม จากผลลัพธ์ดังกล่าว จึงได้เกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆอย่างต่อเนื่อง บางสงครามก็ใช้เวลาสู้รบกันเป็นเวลาหลายปี อันเนื่องมาจากการขัดแย้งของสมาชิก เช่น ในสงคราม ( البسوس , داحس ، غبراء ) จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงถือว่าเป็นการปูทางเพื่อรับเอาศาสนาอิสลาม เพราะพวกเขาได้สูญเสียญาติพี่น้องไปเป็นจำนวนมาก และทำให้สภาพการต่างๆเลวร้ายลง จึงมีการถามหาทางออกที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากสภาพดังกล่าว และแล้วศาสนาอิสลามจึงเป็น ทางออกให้กับพวกเขา
สภาพทางสังคม
ก่อนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสดา สังคมชาวอาหรับมีจริยธรรมและประเพณีที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป
ความประพฤติและประเพณีที่ไม่ดีได้แก่ การดื่มสุรา การเล่นการพนัน การฝังลูกผู้หญิงทั้งเป็นในบางตระกูล อิสลามได้ห้ามสิ่งต่างๆโดยเด็ดขาด และให้ละทิ้งสิ่งที่ไม่ดีให้หมด และนำสิ่งที่ดีกว่ามาให้พวกเขา สาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้พวกอาหรับหันไปดื่มสุรา ก็เพื่อต้องการขจัดความหวาดกลัว ความเดือดร้อนที่มาประสบ การสูญเสียพวกพ้อง ญาติพี่น้อง ที่ต้องตายไปในการต่อสู้สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ และการใช้ชีวิตที่ลำบากยากเข็ญ เมื่อศาสนาอิสลามได้เผยแพร่ สุราเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะส่งผลเสียต่อร่างกายและสติปัญญา และอิสลามได้มีทางออกในการแก้ปัญหาความกลัดกลุ้ม ด้วยการศรัทธาต่ออัลลอฮ์ นำมาซึ่งความมั่นใจ และความสงบมาสู่กลุ่มชน
อิสลามห้ามการฝังเด็กผู้หญิงทั้งเป็น เพราะว่าชาวอาหรับนั้นกลัวความอับอายเมื่อสตรีตกเป็นเชลย เป็นที่รู้กันดีว่าคนอาหรับเมื่อถูกหยามเกียรติ เขาจะไม่ยอม หรือไม่ก็ฝังเด็กผู้หญิงเพราะกลัวความยากจน ด้วยเหตุนี้ คนอาหรับจำนวนไม่น้อยในสมัยนั้นไม่ชอบที่จะได้ลูกผู้หญิง และจะดีใจมาก เมื่อเขาได้ลูกผู้ชาย ศาสนาอิสลามได้ห้ามการกระทำดังกล่าว และห้ามมองสตรีแบบเหยียดหยาม อิสลามยกย่องให้เกียรติสตรีตามสถานที่เหมาะสมของนาง
จริยธรรมอันดีงามของชาวอาหรับที่มีเหนือกว่าชนชาติอื่น คือ ความกล้าหาญ ความใจบุญ การรักษาสัญญา มีสติปัญญาที่ปราดเปรื่อง และมีความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย อิสลามเน้นให้ยึดมั่นต่อจริยธรรมที่ดีงาม และใช้ให้ถูกต้องจากจริยธรรมที่ดีงามเหล่านี้ ชาวอาหรับจึงสมควรได้รับเกียรติในการอุ้มชูอิสลามและแบกรับภาระในการเผยแพร่อิสลามตั้งแต่เริ่มแรก
ดร.อัดุลลอฮฺ อิบนุ อับดิรเราะฮ์มาน อัลค็อรอาน
...ประเด็นต่างๆในการศึกษาชีวประวัตินะบีมุฮัมมัด