อุปนิสัยและฐานะของท่านนบี ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้ง
ท่านนะบีมุฮัมมัด ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยมารยาทที่ดี และทั้งที่ไม่ดี อัลลอฮ์ ทรงคุ้มครองให้พ้นจากมารยาทที่ไม่ดีไม่งามต่างๆ และเลือกสรรมารยาทที่ดีงามให้กับท่าน จึงทำให้ท่านมีฐานะที่มีเกียรติในจิตใจของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม
ท่านนะบี ไม่เคยเคารพเจว็ด ท่านไม่กินสิ่งที่เชือดถวายเจว็ด และท่านยังเกลียดมันอย่างรุนแรง ใครก็ตามที่ถามท่านด้วยนามของเจว็ด เช่นอัลล๊าต หรือ อุซซา แล้ว ท่านจะพูดว่า :
อย่าถามฉันด้วยเจว็ดทั้งสองนั้นเลย ฉันไม่โกรธอะไรยิ่งไปกว่าทั้งสอง
ท่านมีชื่อเสียงในด้านความซื่อสัตย์ทั้งคำพูดและการกระทำ และเป็นผู้ที่รักษาของฝาก (อะมานะฮ์) อย่างดีเยี่ยม จนได้รับฉายาว่า الأمين (ผู้ซื่อสัตย์) เช่นเดียวกัน ท่านไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข การละเล่น การร้องรำทำเพลงเหมือนกับคนหนุ่มทั่วไป มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านต้องการจะไปเที่ยว ท่านจึงฝากแกะไว้กับเพื่อนและเข้าไปในเมือง เพื่อจะดูการละเล่นของชาวเมืองนั้น เมื่อท่านเข้าไปใกล้นครมักกะฮ์ ท่านก็รู้สึกง่วงและได้นอนหลับไป เมื่อตื่นขึ้นก็สว่างแล้ว คืนต่อมาท่านก็เข้าไปอีก และอัลลอฮ์ ได้ทำให้ท่านนอนหลับไปเหมือนกับคืนแรก ท่านจึงกล่าวว่า :
ตั้งแต่นั้นมาฉันไม่นึกที่จะกระทำสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม ดังเช่นพวกญาฮิลิยะฮ์กระทำกัน จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนะบี(*1*)
และยังได้ช่วยเหลือกลุ่มชนของท่านให้ทำงานที่ยิ่งใหญ่ เช่น ช่วยในสงคราม (الفجار) ด้วยการหยิบลูกธนูให้กับลุง(*2*) ได้เข้าร่วมในการทำสัตยาบันของพวกกุเรช ในการปกป้องและช่วยเหลือผู้ที่ถูกข่มเหงรังแก และเรียกร้องสิทธิให้แก่บุคคลเหล่านั้น(*3*)
เมื่ออายุได้ 35 ปี พวกกุเรชได้บูรณะกะอ์บะฮ์ ท่านนะบี ได้เข้าร่วมด้วยการขนหินเพื่อการบูรณะ แต่สิ่งที่บ่งบอกถึงฐานะอันทรงเกียรติและสติปัญญาอันเฉียบแหลม คือ เหตุการณ์ยกหินดำไปประดิษฐาน ณ มุมกะอ์บะฮ์ ซึ่งได้เกิดการโต้แย้งขึ้นระหว่างเผ่าต่างๆ แต่ละเผ่าต้องการที่จะนำหินดำไปประดิษฐานไว้ ณ บัยตุลลอฮ์ การโต้แย้งจบลงด้วยการให้ผู้ใดก็ตามที่เดินเข้ามาทางประตูบนีซัยบะฮ์ เป็นคนแรกจะเป็นผู้ตัดสิน ปรากฏว่าเป็นท่านนะบีมุฮัมมัด พวกเขาต่างแสดงออกด้วยความยินดี พร้อมกับพูดขึ้นว่า ผู้ที่ซื่อสัตย์มาหาพวกท่านแล้ว เมื่อท่านนะบี ได้ทราบถึงปัญหา ท่านจึงใช้ให้เอาผ้าชิ้นหนึ่งมาปูลงกับพื้น แล้วท่านก็ยกหินดำด้วยมือของท่านวางลงบนกลางผ้าผืนนั้น แล้วให้ทุกตระกูลยกที่ชายผ้า แล้วท่านก็ยกหินดำขึ้นวาง ณ ที่บัยตุลลอฮ์ การตัดสินได้สร้างความพอใจให้กับทุกฝ่าย(*4*) จากมารยาทอันดีงามและการแก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาด จึงทำให้ท่านเป็นผู้ที่มีเกียรติในสังคม ใครๆต่างก็ให้การยกย่องนับถือ
ดร.อัดุลลอฮฺ อิบนุ อับดิรเราะฮ์มาน อัลค็อรอาน
...ประเด็นต่างๆในการศึกษาชีวประวัตินะบีมุฮัมมัด
- อิหม่ามฮากิมได้รายงานไว้ หนังสือ อัลมุซตัดร็อก หน้า 4/245 ท่านกล่าวว่า เป็นฮะดีษ ศ่อฮีย์ ตามเงื่อนไขของอิหม่ามมุสลิม และท่านซะฮาบีย์ เห็นด้วยเช่นกัน ซอเฮียะ อัซซีเราะห์ อัลนะบะวียะห์ หน้า 43
- ซีเราะอัลนะบะวียะห์ ของอิบนิฮิชาม หน้า 1/201 อักรอมดิยาอฺ อุมารีย์ และสงคราม الفجار เป็นสงครามที่เกิดขึ้น ระหว่างพวกกุเรซ และเผ่ากินานะห์ ที่อยู่กับพวกกุเรซ กับ กอย อัยลาน ที่เรียกว่า สงคราม الفجارเพราะเกิดขึ้น ในเดือนที่ห้ามทำการสู่รบ
- ท่านนะบี : ฉันได้เข้าร่วมทำสัตยาบันอัลมุตอยยิบีน กับบรรดาลุงของฉัน ขณะนั้น ฉันอายุได้ 35 ปี แม้ว่าฉันจะได้อูฐ สีแดง ฉันก็จะไม่ผิดสัญญาฉบับนั้น
อิมามอะหมัดได้รายงานไว้ ในเล่ม 1 หน้าที่ 190-193 และท่านอิมามฮากิมได้รายงานไว้ ใน หนังสือ อัล มุซตัดร็อก เล่ม 2 หน้า219-220 ท่านกล่าวว่า ซอเฮียะ อัลอิซนาด แม้ว่า บุคอรี และมุสลิมจะไม่ได้รายงานไว้ก็ตาม อัลบานีย์ ได้ตัซเฮียะไว้ในหนังสือ ซิลซิละห์ อัซซอเฮียะ เล่มที่ 4 หน้า 524 อีกรายงานหนึ่ง ท่านนะบี กล่าวว่าولودعيت به في الإسلام لأجبت จากหนังสือ อัลบิดายะห์ วัลนิฮายะห์ ของอิบนิกะซีร เล่ม 2 หน้า 92 - ดูที่ซอเฮียะห์อัลบุคอรีย์ กิตาบ อัซศ่อลาห์ บาบ กะรอฮียะห์ ตะอัรรีย์ ฟิซศอลาห์ และกิตาบ อัลฮัจย์บาบ ฟัฎลุมักกะห์ วะบุนยานิฮา มัสนัด อิหม่ามอะหมัด เล่มที่ 3 หน้าที่ 425 และมุสตัดร็อก อัลฮากิม เล่ม 3 หน้า 458 ดู ตัครีญ ฮะดีษ ฟีอัลอัมรีย์- อัซซีเราะห์อันนะบะวียะห์อัซเซาะฮีฮะห์ เล่ม 1 หน้า 116 ดู นะซับ กุเรซ ของ สุบัยรีย์ หน้า 231 และ อิบนุฮัซมิ ญะวาเมียะ ซีเราะห์ 38/39