การเรียกร้องเชิญชวนของบรรดานะบี
บรรดานะบีและเราะซูล ได้เรียกร้องเชิญชวนไปสู่การให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ ที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง สิ่งแรกที่พวกเขาเรียกร้องเชิญชวนหมู่คณะ และใช้เวลาทั้งหมด เพื่อปลูกฝังความหมายของการให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ ลงไปในชีวิตของประชาชาติพวกเขา ซึ่ง อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า :
และเรา (อัลลอฮ์) ไม่ได้ส่งมาก่อนหน้าเจ้า จากเราะซูลท่านใด นอกจากเราจะดลใจยังเขาว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากข้าเท่านั้น ดังนั้น พวกเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้า
(อัลอันบิยาอฺ : 25)
และแน่นอนยิ่ง เราได้ส่งมาในทุกประชาชาติซึ่งร่อซูลคนหนึ่ง โดยให้เรียกร้องเชิญชวนว่า พวกเจ้าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ และจงหลีกเลี่ยงออกห่างมารร้าย ซึ่งมีผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงนำทางเขา และมีผู้ที่ความหลงผิดได้เกิดขึ้นแก่เขา ดังนั้น พวกเจ้าจงเดินไปในแผ่นดิน แล้วมองดูว่า บันปลายของพวกผู้ปฏิเสธเป็นอย่างไร
(อันนะหลฺ : 36)
จงระลึกถึง ขณะที่บรรดาร่อซูลได้มายังพวกเขา จากด้านหน้าของพวกเขา และจากด้านหลังของพวกเขา โดยพวกเจ้าจะต้องไม่เคารพภักดี นอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น พวกเขากล่าวว่า หากพระผู้เป็นเจ้าของเราประสงค์แล้ว พระองค์ก็ต้องส่งบรรดามลาอิกะฮฺลงมา แท้จริง เรานั้น เป็นผู้ปฏิเสธต่อสิ่งที่พวกเจ้าถูกส่งมาพร้อมกับมัน
(ฟุซซิลัต : 14)
เป้าหมายของการให้เอกภาพ ที่บรรดาเราะซูลเรียกร้องนั้น คือ การให้เอกภาพที่สมบูรณ์ทั้งสามประเภท ;
1. การให้เอกภาพ (เตาฮีด อัร รุบูบียะฮ์) คือ การเชื่อว่า อัลลอฮ์ เพียงผู้เดียวที่เป็นผู้ทรงสร้าง และบริหารจัดการโลก
2. การให้เอกภาพในเรื่องพระนาม และลักษณะต่างๆ (เตาฮีด อัล อัซมาอ์ วัซซิฟาติ)คือ การเชื่อว่า อัลลอฮ์ เป็นผู้ที่มีลักษณะแห่งความสมบูรณ์ ปราศจากความบกพร่อง เขาจะให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์ ซึ่งสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดด้วยพระองค์เอง และสิ่งที่เราะซูลได้แจ้งให้ทราบจากพระนาม และลักษณะต่างๆของพระองค์
3. การให้เอกภาพ ในเรื่องของการเคารพภักดี(*1*) (เตาฮีด อัล อุรูฮียะฮ์) คือ การให้เอกภาพที่บรรดาเราะซูลได้เรียกร้องสู่การให้เอกภาพชนิดต่างๆ เหมือนกับที่ไชยคุลิสลาม อิบนุ ไตยมียะฮฺ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวไว้ว่า :
การให้เอกภาพที่บรรดาเราะซูลนำมานั้น แท้ที่จริงแล้ว มันประมวลไว้ซึ่งสิ่งที่อัลลอฮ์ ได้ทรงกำหนดให้มีการเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ เพียงองค์เดียว ด้วยการปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ์ เท่านั้น ดังนั้น เขาจะไม่ไปเคารพภักดีใคร จะไม่มอบหมายต่อใคร จะไม่สวามิภักดิ์ต่อใคร นอกจากพระองค์เท่านั้น จะไม่เป็นศัตรูกับใคร นอกจากในเรื่องของพระองค์เท่านั้น จะไม่ทำงานใด นอกจากเพื่อพระองค์เท่านั้น และประมวลไว้ซึ่งสิ่งที่อัลลอฮ์ ทรงกำหนดสำหรับพระองค์ จากพระนาม และลักษณะต่างๆของพระองค์
_________________________________________
(*1*) การเคารพภักดี(อิบาดะฮฺ) เหมือนกับที่ไชยคุลอิสลม อิบนุ ไตยมียะฮฺ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ ได้ให้คำนิยามไว้ว่า คือ นามที่ประมวลไว้ซึ่งทุกสิ่งที่อัลลอฮ์(ซ.บ.)ทรงรัก และทรงพอใจ จากคำพูด และการกระทำต่างๆ เช่น การวิงวอนร้องขอ ความกลัว ความรัก ความหวัง การบนบาน การเชือดสัตว์พลี การมอบหมาย การขอความช่วยเหลือ และอื่นจากนั้น จากการเคารพภักดีต่างๆที่จำเป็นจะต้องเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ ผุดผ่องแด่อัลลอฮ์(ซ.บ.) (ฟัตหุลมะญี๊ด ชัรหุ กิตาบิตเตาหี๊ด: หน้า:14)
อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า :
และพระเจ้าของพวกเจ้า คือ พระเจ้าองค์เดียว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ
(อัลบะเกาะเราะฮฺ : 163)
สิ่งที่จะเน้นถึงเรื่องดังกล่าว คือ ดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ว่า :
จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แท้จริง การละหมาดของฉัน การเชือดสัตว์พลีของฉัน การเป็นของฉัน และการตายของฉัน เป็นของอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลก ไม่มีภาคีใดๆ สำหรับพระองค์ และฉันได้ถูกใช้ให้ปฏิบัติตามสิ่งที่ได้กล่าวมา และฉันเป็นมุสลิมคนแรก
(อัลอันอาม: 162,163)
มีปรากฏในโองการต่างๆว่า บรรดาเราะซูลได้เริ่มการเรียกร้องแก่หมู่คณะของเขา ด้วยการให้เอกภาพ ด้วยคำกล่าวที่ว่า :
และพวกเจ้าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ พวกเจ้าไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกเหนือจากพระองค์
(อัลอะอฺร๊อฟ : 59,65,73,85 - ฮู๊ด : 50,61,61,84 )
ท่านเราะซูล ผู้ได้รับการคัดเลือก ได้เน้นการร่วมมือของบรรดานะบีทุกท่าน ในการเรียกร้องเชิญชวนหมู่คณะไปสู่การให้เอกภาพ ด้วยคำตรัสของ อัลลอฮ์ ว่า :
"إنامعشرالأنبياء دينناواحد"
แท้จริง เราเหล่าผู้เป็นนะบี ศาสนาของเรา เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
(ตอบปัญหาต่างๆของอิบนุ ไตยมียะฮฺ 1/357)
การให้เอกภาพ คือ การให้เอกภาพที่อัลลอฮ์ ได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา เหมือนกับที่ อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า :
ดังนั้น เจ้าจงเอาใบหน้าของเจ้ามุ่งตรงศาสนา มีความแน่วแน่ ธรรมชาติของอัลลอฮ์ ที่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาตามนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำหรับการสร้างของอัลลอฮ์ อันนั้น คือ ศาสนาที่เที่ยงตรง แต่ทว่า มนุษย์ส่วนมากไม่รู้
(อัรรูมอายะฮฺที่ 30)
และท่านเราะซูล กล่าวไว้ว่า อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า :
"إني خلقت عبادي حنفاء كلهم وإنهم أتتهم الشياطين فاجتالتهم عن دينهم ، وحرمت عليهم ماأحللت لهم"
แท้จริง ฉันได้สร้างบรรดาบ่าวของฉันขึ้นมา เป็นผู้ที่มีความแน่วแน่ แล้วเหล่าไชยฏอนได้มายังพวกเขา แล้วพวกมันได้ดึงพวกเขาออกจากศาสนาของพวกเขา และได้ห้ามแก่พวกเขาซึ่งสิ่งที่ฉันอนุมัติแก่พวกเขา
(เศาะเหี้ยหฺมุสลิม : บทสวรรค์ :8:158,159)
และท่านได้กล่าวอีกว่า :
"كل مولود يولد على الفطرة ، فأبواه يهودانه ، أوينصرانه ، أويمجسانه"
เด็กทุกคน เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ แล้วพ่อของเขาที่จะทำให้เขาเป็นยะฮูดียฺ เป็นนัศรอนียฺ หรือเป็นมะญูซียฺ (ผู้บูชาไฟ)
(เศาะเหี้ยหุลบุคอรียฺ: บทการทำศพ:3/118. เศาะเหี้ยหฺมุสลิม บทอัลก๊อดรฺ:8/52,53)
มนุษยชาติได้ดำเนินตามการให้เอกภาพ นับตั้งแต่นบีอาดัมลงมาสู่พื้นแผ่นดิน และลูกหลานก็ได้ดำเนินตามท่านรุ่นแล้วรุ่นเล่า และดำเนินตามแบบอย่างมาหลายศตวรรษ ในเศาะเฮี๊ยะบุคอรีย์ จากอิบนุ อับบาส กล่าวว่า :
" كان بين آدم و نوح عشرة قرون كلهم على الإسلام "
ระหว่างอาดัมกับนูห์นั้น เป็นระยะเวลาสิบศตวรรษ ทุกคนเป็นมุสลิม
(อิบนุ กะษีร:อัลบดายะฮฺวันนิฮายะฮฺ:1/401)
หลังจากนั้น การหันเหออกจากการให้เอกภาพได้เริ่มขึ้น และการตั้งภาคีได้เข้ามามีส่วนในชีวิตของมนุษย์ทั้งหลาย ชัยฏอนได้มาสร้างความสับสนให้แก่ลูกหลานของอาดัมบางกลุ่ม และดึงพวกเขาไปสู่การตั้งภาคี และเคารพภักดีต่อสิ่งอื่น นอกเหนือจากอัลลอฮ์ เนื่องจากว่ามีหมู่คณะที่ดีระหว่างอาดัมกับนูห์ เป็นที่รู้จักในเรื่องการทำความดี และการเคารพภักดี แล้วมีอีกหมู่คณะหนึ่งมาหลังจากนั้น พวกเขาได้เจริญรอยตามในการเคารพภักดี แต่อิบลีสได้ยุยงพวกเขาว่า พวกท่านน่าจะทำรูปปั้นของคนดีขึ้นมา ซึ่งจะทำให้ท่านทั้งหลายได้รำลึกถึง และจะเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ในการเคารพภักดีให้แก่ท่าน ทุกครั้งที่มองไปยังรูปปั้น ที่พวกเขาได้ทำขึ้น หลังจากที่พวกนั้นได้ตายไป ก็มีอีกกลุ่มชนหนึ่งเกิดขึ้นมา อิบลีสจึงได้ยุยงพวกเขาว่า แท้จริง บรรดาผู้ที่มาก่อนหน้าท่านทั้งหลาย ได้ทำการเคารพสักการะต่อรูปปั้นเหล่านั้น และพวกเขาจึงได้เริ่มการเคารพสักการะต่อรูปปั้นนั้น (การตั้งภาคีในหมู่ลูกหลานของอาดัม อัชเชากานียฺ:ฟัตหุลเกาะดี้ร:5/300/ อัลอะลูซีย์ รูหุ้ลมะอานี:29:77)
อิบนุ กะษีร ร่อหิมะฮุลลอฮ์ กล่าวไว้ในการอธิบายดำรัสของพระองค์ ที่ว่า :
และแน่นอนยิ่ง เราได้ส่งมาในทุกประชาชาติ...
(อั้ลนะลฺอายะฮฺที่ 36)
คือ เราะซูลท่านหนึ่งส่งมาในทุกศตวรรษทุกหมู่ชน ซึ่งทุกคนเรียกร้องเชิญชวนไปสู่การเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ และห้ามไม่ให้เคารพภักดีต่อผู้อื่น นอกเหนือจากพระองค์ และอัลลอฮ์ ยังคงส่งบรรดาเราะซูลมายังผู้คนทั้งหลาย ตั้งแต่วันที่การตั้งภาคีได้เกิดขึ้นในลูกหลานอาดัม และในลูกหลานของนูห์
(ตัฟซีรอิบนุ กะษีร:4/489)
นูห์ เป็นเราะซูลท่านแรกที่พระองค์ได้ส่งมา ซึ่งได้เกิดการตั้งภาคีของ ลูกหลานอาดัม จึงมีการการส่งบรรดาเราะซูล และบรรดานะบีเพื่อการตักเตือนนะบีแต่ละท่านจะถูกส่งมาในกลุ่มชนของท่าน และบางยุคได้มีการส่งนะบี และเราะซูล ลงมามากกว่าหนึ่งท่าน(*2*) เช่น มูซา และฮารูณ อะลัยฮิมัสสลาม อิบรอฮีม และลูฏ อะลัยฮิมัสสลาม จนกระทั่งนะบีท่านสุดท้าย คือ ท่านนะบีมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลลอฮฺ
_________________________________________
(*2*)สิ่งที่ถูกต้องที่สุดที่มีการกล่าวกันในเรื่องความแตกต่างระหว่างเราะซูลกับนะบี คือ: เราะซูลนั้น คือ ผู้ที่ถูกส่งมาพร้อมกับบทบัญญัติใหม่ และคัมภีร์ถูกประทานมากับเขาด้วย ส่วนนะบี เขา คือ ผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงส่งเขามา เพื่อเรียกร้องไปสู่บทบัญญัติของผู้ที่มาก่อนหน้าเขา. ดูกิตาบุนนุบูว๊าต ของอิบน ไตยมียะฮ์:255 ตัฟซีรอัฎวาอุลบะยานของอัชชังกีฏียฺ:5/735
ชีวประวัตินะบีมุฮัมมัด
ดร.อัดุลลอฮฺ อิบนุ อับดิรเราะฮ์มาน อัลค็อรอาน
...ประเด็นต่างๆในการศึกษาชีวประวัตินะบีมุฮัมมัด