น้ำตารักษาโรคและหัวใจ
  จำนวนคนเข้าชม  21558

น้ำตารักษาโรคและหัวใจ

  โคนัน มูกอวิม

 

           จะว่าไปแล้วทุกๆคงต้องเคยร้องไห้กันมาบ้างแล้ว จะมากจะน้อยนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่อย่างน้อยก็ครั้งแรกที่เราเกิดจากแม่ของเรา ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรเลย ที่คนเราจะร้องไห้   น้ำตาของคนเราประกอบไปด้วยสารเคมีสามชนิดได้แก่ สารเอนโดฟิน ซึ่งเชื่อว่าเป็นตัวรู้สึกผ่อนคลายความรู้สึกเจ็บปวด  ชนิดที่ 2 คือ เอซีพีเอช (ACPH) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ถือได้ว่า เป็นตัวบ่งชี้ได้มากที่สุดว่าร่างกายกำลังอยู่ในภาวะถูกกดดัน และสารเคมีตัวที่ 3 ซึ่งเป็นตัวสำคัญที่นำมาใช้อธิบาย ความแตกต่างระหว่างเพศในเรื่องการร้องได้คือ โพรแลกติน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีหน้าที่โดยตรงในการผลิตน้ำนม ในสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม โพรแลกตินนี้ จะเป็นตัวส่งเสริมการผลิตน้ำตาด้วย

         โดยทั่วไปเรามักถือว่าน้ำตาเป็นเครื่องหมายของความอ่อนแอ ความพ่ายแพ้ผิดหวัง เป็นความทุกข์ความเศร้าที่ไม่อยากพบ แม้แต่การที่เรามีความสุขมากก็สามารถหลั่งออกมาเป็นน้ำตาได้  จึงไม่มีใครอยากจะคิดถึงรวมทั้งหาคำตอบใดๆ เกี่ยวกับน้ำตา หรือการร้องไห้ แม้ว่าอาจเคยมีความสงสัยอยู่บ้าง น้ำตานอกจากจะใช้ในการร้องไห้แล้วจะใช้ประโยชน์อย่างอื่น ได้อีกหรือไม่?

        บ่อยครั้งไปที่น้ำตาสามารถชำระล้างความเศร้าโศกของเราไปทำให้ร่างกายเราได้ปรับความสมดุลของร่างกาย สร้างความชุ่มชื่นหลังจากการร้องไห้ สร้างให้เราเป็นคนเข้มแข็ง และจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ว่าอิสลามจะมีกล่าวไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน 

 (ويخرون للاذقان يبكون ويزيدهم خشوعا( 109 الاسراء

"และพวกเขาจะหมอบกราบลงใบหน้าจรดพื้นพลางร้องไห้  และมันจะเพิ่มการสำรวมแก่เขา"

(๑๐๙ อิสเราะ)

         และเพราะการร้องไห้นั้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ มาจากความจริงใจ จึงไม่แปลกเลยว่าน้ำตาเพียงไม่กี่หยดสามารถชำระล้างสิ่งต่างๆในร่างกายและจิตใจของเราได้  จากการศึกษาของศูนย์วิจัยน้ำตา วิลเลี่ยม เฟรย์ ได้ให้ความสนใจและทำการศึกษาวิจัยเรื่องของน้ำตา มาเป็นเวลานานกว่า 15 ปี ได้เขียนผลการวิจัยไว้น่าสนใจคือ

        การหลั่งน้ำตาของคนเรานั้นถูกควบคุมโดยต่อมน้ำตา ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดความเข้มของน้ำตา และควบคุมปริมาณ การขับถ่ายธาตุแมงกานีส รวมทั้งแร่ธาตุอื่นๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นขณะที่อารมณ์เปลี่ยนแปลงออกไปจากร่างกาย และพบว่า ปริมาณของแร่ธาตุต่างๆ ที่มีในน้ำตานั้น มากกว่าที่มีในกระแสเลือดถึง 30 เท่า และได้อธิบายว่า การที่ผู้ร้องไห้จะสบายขึ้น เป็นเพราะว่าร่างกายได้ขจัดเอาสารเคมีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะที่มีความทุกข์ออกไปจากร่างกายพร้อมน้ำตานั่นเอง ในการศึกษาของเฟรย์พบว่าผู้ชาย 73% และผู้หญิง 75% ที่กล่าวว่ารู้สึกสบายขึ้นหลังการร้องไห้

        สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ ในเรื่องส่วนประกอบทางเคมีของน้ำตาที่หลั่ง เนื่องจากสาเหตุที่แตกต่างกันพบว่า ประกอบด้วยสารเคมีบางอย่าง ที่เหมือนกันและบางอย่างที่แตกต่างกัน ซึ่งได้มีการทดลอง โดยใช้ชายหญิงจำนวนร้อยคนหลั่งน้ำตาด้วยสาเหตุที่แตกต่างกัน 2 วิธีคือ วิธีแรกโดยการหั่นหัวหอมสดทำให้เกิดการระคายเคืองตา น้ำตาก็จะไหลออกมา กับอีกวิธีหนึ่งคือกระตุ้นให้เกิดความรู้สึก สะเทือนอารมณ์โดยให้ดูภาพยนต์ 3 เรื่อง ที่ดูแล้วจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แล้วนำน้ำตาที่หลั่งเนื่องจากสาเหตุทั้งสอง มาวิเคราะห์หาส่วนประกอบดูความเหมือนและความแตกต่าง

       จากการทดลองพบว่าส่วนประกอบที่แตกต่างกันก็คือ ปริมาณของโปรตีนในน้ำตา น้ำตาที่หลั่งเนื่องจากความรู้สึกสะเทือนอารมณ์จะมีโปรตีนสูงกว่า น้ำตาที่หลั่งเนื่องจากการระคายเคืองตาถึง 24%

 มีรายงานจากท่านอบูฮูรอยเราะฮ์ จากท่านเราะซูล

" บุคคลเจ็ดจำพวกที่จะอยู่ภายใต้ร่มเงาของอัลลอฮ ในวันที่ไม่มีร่มเงาอื่น นอกจากร่มเงาของพระองค์

และหนึ่งในนั้นก็คือ คนที่รำลึกถึงอัลลอฮด้วยความบริสุทธิ์ใจ แล้วตาเขานองไปด้วยน้ำตา "

 (รายงานโดย อัลบุคอรีย์)

 

          อิสลามสนับสนุนให้เรารำลึกถึงอัลลอฮด้วยความบริสุทธิ์ สำนึกในสิ่งที่กระทำผิด เกรงกลัวสิ่งที่จะมาในการสอบสวนครั้งยิ่งใหญ่  ไม่แปลกใจเลยที่คนซอฮาบะสมัยก่อนถึงมีการศรัทธา และ การยึดมั่นอย่างมั่นคงเพราะ พวกเขารำลึก ถึงอัลลอฮ อยู่ตลอดเวลาทั้งเช้า กลางวัน เย็น  ถ้าเรารู้แบบฉบับท่านเราะซูล  รู้เมื่อครั้งที่ท่านได้เยี่ยมนรกและสวรรค์ ท่านพบเห็นอะไรมากมาย  เราคงจะหัวเราะน้อย และร้องไห้เยอะๆแน่


(فليضحكوا قليلا وليبكوا كثيرا جزاء بما كانو يكسبون (82 : التوبة

" พวกเขาจงหัวเราะแต่น้อย  และจงร้องไห้มากๆ เถิด(เสียใจในสิ่งที่ทำผิดมา)ทั้งนี้เป็นการตอบแทนตามที่พวกเขาขวนขวายไว้"

 (๘๒ อัตเตาบะฮ์)

 

          ทุกๆคนล้วนแล้วทำผิดพลาดกันมา บ้างก็มากบ้างก็น้อย น้ำตาก็คือส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์ของผู้ที่กลับเนื้อกลับตัว และเมื่อเขาเฝ้าอัลลอฮ์ ละหมาดด้วยความสำรวม ตั้งใจมั่นคง เตรียมจิตใจ ร่างกายให้พร้อม  เขาละหมาดด้วยความสงบนิ่งใคร่ครวญถึงความหมาย ของแต่ละอายะ เขาก็จะร้องไห้ เพราะสำนึกผิด


( إذا تتلى عليهم أيات الرحمن خروا سجدا وبكيا (58 : مريم

"เมื่อบรรดาโองการของพระผู้ทรงกรุณาปรานีถูกอ่านแก่เขา พวกเขาก็จะก้มลงสูญูด และร้องไห้"    

( ๕๘ : มัรยัม)

 

          บ่อยครั้งที่เราร้องไห้กับสิ่งไร้สาระ บ่อยครั้งที่หัวใจเราว้าวุ่นกับสิ่งไร้สาระ แล้วเมื่อไหร่? จะถึงเวลาที่เราร้องไห้เพื่ออัลลอฮ์พระผู้ทรงอภิบาล  เพื่อแสดงความนอบน้อม ต่อพระองค์  เมื่อหัวใจเราสะอาดแล้ว ร่างกายเราก็ปลอดภัยไปด้วยเนื่องจากน้ำตาของเราช่วยลดแบคทีเรีย ในนัยน์ตาของเรา ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจให้ดีขึ้น ช่วยปรับสมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย และอีกสารพัดยารักษาโรคจากน้ำตา ที่พบโดยการวิจัยและที่ยังไม่พบ


          ณ วันนี้ผู้เขียนคิดว่าเราน่าจะร้องไห้กันให้มากขึ้น เพื่อทำให้หัวใจที่แข็งกระด้างอ่อนลง เพื่อรับรู้ความเจ็บปวดของพี่น้องของเราทั่วทุกสารทิศทุกมุมโลก  เราควรดุอาขอความเมตตาจากอัลลอฮ ให้เกิดความสงบ ปลอดภัยให้มีในจิตใจ ขอความเห็นอกเห็นใจ ไม่มีอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์  น้ำตานั้นไม่ใช่สัญลักษณ์ของผู้อ่อนแอ ไม่ใช่สัญลักษณ์ของผู้พ่ายแพ้ ไม่แปลกเลยทำไมอิสลามจึงเป็นศาสนาที่สมบูรณ์ เพียบพร้อมไปทุกด้าน เพราะอิสลามเป็นศาสนาที่มาจากอัลลอฮ พระเจ้าองค์เดียว ที่สอนแม้กระทั่งการร้องไห้ แต่ละอย่างที่อิสลามได้สั่งสอนล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งนั้นเพียงแต่เราจะคาคคิดกันบ้างหรือไม่