เหตุใดต้องรำลึกถึงความตาย ?
  จำนวนคนเข้าชม  5922


เหตุใดต้องรำลึกถึงความตาย ?


 

โดย..นาย ราชัน(ฮูเซ็น) เล็มเยะ 

 

          ท่านผู้ศรัทธาที่เคารพรักทั้งหลาย ก่อนอื่นผมใคร่ขอตักเตือนตัวของพวกท่านทั้งหลาย และตัวของกระผมเองเป็นสำคัญ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความยำเกรงเกรงกลัวต่อพระองค์ อัลลอห์ ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา  ด้วยโดยการประพฤติ ปฏิบัติในสิ่งต่างๆที่พระองค์ทรงใช้ และหลีกเหลี่ยง ออกห่างจากสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงห้าม

 

         ท่านผู้ศรัทธาที่เคารพรักทั้งหลาย สัจจะธรรมประการหนึ่งที่จะเกิดขึ้นกับมนุษย์เราทุกคน ไม่ว่าท่านจะเป็นคนร่ำรวย เป็นคนอยากจน เป็นกรรมกร เป็นข้าราชการ มีตำแหน่งการงานสูง ๆ เป็นคนเดินดิน หรือนั่งรถสวยหรู ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นย่อมมีจุดจบเดียวกัน นั่นก็คือ ความตาย !

 

         ในวันนี้กระผมจะพูดกับท่านเกี่ยวกับเรื่องหนึ่ง ซึ่งผู้คนส่วนมากจะเกิดความเบื่อหน่าย และไม่ชอบสดับรับฟัง นั่นก็คือเรื่องความตาย ซึ่งการรำลึกถึงความตายพร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้น สามารถตัดเขี้ยวเล็บแห่งความอธรรม และการฝ่าฝืนได้ การรำลึกถึงความตายพร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้น สามารถขจัดความเสียหายประเภทต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม การรำลึกถึงความตาย พร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้น สามารถขัดเกลาจรรยามารยาทของเราได้ และการรำลึกถึงความตาย พร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้น สามารถทำให้สังคมประดับประดาไปด้วยผู้คนที่มี พฤติกรรมที่ดีงาม 
 

 

        เหตุใดต้องรำลึกถึงความตายก่อนการมีชีวิต ? ดังนั้น พระองค์ อัลลอห์ ทรงเน้นถึงความตายอยู่ก่อนการมีชีวิต ด้วยสาเหตุนี้ ทั้งที่เราทราบดีว่าเวลาที่จะตายนั้นต้องอยู่ลำดับหลังจากการมีชีวิตเสียก่อน ดังคำดำรัสของพระองค์ อัลลอห์ ความว่า

“พระผู้ทรงบันดาลความตายและความมีชีวิต เพื่อทดสอบพวกเจ้าว่า

ผู้ใดในหมู่พวกเจ้าบ้าง ที่มีผลงานอันดีงาม และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงให้อภัยยิ่ง"

 (อัลมุลกิ : 2 )
 


        ดังนั้น พระองค์ อัลลอห์ ทรงประสงค์ให้เราตระหนักว่า ความตายนั้น แม้นว่าจะมาหลังจากการมีชีวิตอยู่ก็จริง แต่มันเป็นเกราะที่มาป้องกัน ให้มนุษย์มีวิถีชีวิตอย่างปลอดภัย เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงกล่าวความตายก่อนการมีชีวิตอยู่ เพื่อชี้ให้เห็นว่า เราจำเป็นต้องรำลึกถึงความตาย ก่อนการดำเนินชีวิตในโลกดุนยา และให้ท่านดำเนินชีวิตเหมือนกับท่าน ใกล้จะถึงเวลาตายนั่งเอง 


        ความตายนั้นคือเหตุร้าย หรือไม่ ? ความจริงแล้วมิใช่เป็นเช่นนั้น แม้พระองค์ อัลลอห์ ทรงพรรณนาว่าความตายคือเหตุร้าย ดังคำตรัสของพระองค์ความว่า

فَأَصابَتْكُمْ مُصِيبَةُ الْمَوْتِ

“ดังนั้นเหตุร้ายของความตายได้มาประสบแก่พวกเจ้า”
 


        ดังนั้น เหตุร้ายที่พระองค์ อัลลอห์ ได้ทรงกล่าวถึงนั้น ไม่ใช่เป็นเหตุร้ายของผู้ที่กำลังจะจากโลกนี้ไป แต่ทว่ามันเป็นเหตุร้ายสำหรับคนรัก และวงศาคณาญาติของผู้ตาย เพราะพวกเขาจะมีความโศกเศร้า และมีความเจ็บปวด เมื่อต้องมีการพลัดพราก ซึ่งเหตุร้ายนี้ คือเหตุร้ายของการพลัดพราก ดังนั้นเหตุร้ายนี้จะตกอยู่บนผู้ใดหรือ? ย่อมไม่ใช่ผู้ที่จากไป แต่ตกอยู่บนผู้ที่มีชีวิตอยู่ซึ่งผู้เป็นที่รักได้จากพวกเขาไป 


         สำหรับผู้ตายนั้น หากเขาอยู่ในความหมายของความตายที่น่าปิติยินดี เขาก็จะได้รับความสุขตามที่ได้รับสัญญาเอาไว้ และหากเขาอยู่ในความหมายของความตายที่อยู่ในเหตุร้าย เขาก็จะได้ประสบกับมันตามที่สัญญาไว้

        ฉะนั้น หากท่านต้องการที่จะวาดหวังความตายให้เป็นความ ปิติยินดี ท่านก็จงประพฤติดี หมั่นรำลึกถึงพระองค์ อัลลอห์ ละหมาดให้ครบห้าเวลา ถือศีลอดในเดือนรอมะฏอน ปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์ อัลลอห์ ทรงบัญญัติใช้และ ละทิ้งสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติห้าม แต่หากท่านต้องการที่จะวาดหวังให้ความตายเป็นเหตุร้าย ก็นึกแต่เรื่องดุนยา ละทิ้งละหมาด ไม่ถือศีลอด สร้างความเดือนร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น เนรคุณพ่อแม่ ปฏิบัติสิ่งที่พระองค์ อัลลอห์ ทรงห้าม แล้วท่านจะได้รับตามสิ่งที่ได้กระทำไว้ นี้คือข้อเท็จจริง 

         โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย วันหนึ่ง ท่านสุไลมาน บุตร อับดุลมาลิก หนึ่งในคอลิฟะฮ์บนีอุมัยยะฮ์ ได้ไปเยี่ยมท่านอบูหาซิม ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ท่านสุไลมานได้เข้าไปนั่งใกล้ท่านอบูหะซิมเหมือนกับศิษย์นั่งใกล้ ๆ ครู 

แล้วเขากล่าวว่า โอ้ อบู หาซิม อะไรหรือที่ทำให้เรารังเกียจความตาย ?

       อบูหาซิม กล่าวว่า เพราะพวกท่านทำนุบำรุงโลกดุนยาของพวกท่าน และในขณะเดียวกันพวกท่านได้ทำลาย อาคิเราะฮ์ของพวกท่าน ดังนั้น พวกท่านก็จะรังเกียจที่จะย้ายจากที่พำนักอันจำเริญไปสู่ที่พำนักอันเสื่อมโทรม 

สุไลมานกล่าวถามว่า แล้วเราจะไปหาพระองค์ อัลลอห์ ในสภาพอย่างไรหรือ ?

       ท่านอบูหาซิม กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ประพฤติดี เขาย่อมเสมือนกับผู้ที่เคยอยู่ห่างไกลที่กำลังเดินทางไปหาครอบครัว สำหรับผู้ที่ประพฤติชั่วนั้นเขาเหมือนกับทาสที่หนีนาย ซึ่งถูกลากให้ไปพบกับนายของเขา

 


        โอ้บรรดาผู้ศรัทธาที่เคารพรักทั้งหลาย ! มีความจำเป็นหรือไม่ที่เราต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้คนทั้งหลายปิดกั้นตนเองที่จะให้ความสนใจมัน เราพูดเพื่อที่จะให้เราพากเพียรทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อให้เรากลายเป็นคนดี หลังจากที่เราได้กลับไปสู่ผู้อภิบาลของเราในวันพรุ่งนี้ การกลับไปของเราสู่พระองค์นั้น เสมือนกับผู้ที่เคยอยู่ห่างไกลซึ่งกำลังกลับไปหาครอบครัวของเขาหรือไม่ ? และเราไม่จำเป็นต้องรำลึกถึงความตายกระนั้นหรือ ? เพื่อจะไม่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ประพฤติชั่ว และเพื่อไม่ให้เป็นเฉกเช่นทาสที่หนีนายซึ่งกำลังถูกลากตัวไปพบกับนายของเขาเพื่อรอคอยการลงทัณฑ์ 



ด้วยเหตุนี้แหละที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า 

"ผู้ใดรักที่จะได้พบกับพระองค์ อัลลอห์ พระองค์ก็จะทรงรักที่จะพบกับเขา

และผู้ใดรังเกียจที่จะได้พบกับพระองค์ อัลลอห์ พระองค์ก็จะทรงรังเกียจที่จะพบกับเขา" 

      หะดิษนี้คือความหมายของคำกล่าวของท่านนบีมุฮัมมัด  ซึ่งท่านหญิงอาอิชะฮ์ ได้กล่าวถามท่านว่า  "มันคือความตายกระนั้นหรือ โอ้ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ดังนั้น พวกเราทุกคนจึงรังเกียจความตาย ?"

     ท่านร่อซูลลุลเลาะฮ์ กล่าวว่า "ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก แต่ทว่าผู้ศรัทธานั้น เมื่อความตาย ย่างใกล้มาถึง เขาจะได้รับข่าวดีด้วยความพึงพอพระทัยของ พระองค์ อัลลอห์ และสรวงสวรรค์ของพระองค์ ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดจะเป็นที่รักยิ่งไปยังเขา มากไปกว่าความตายแล้วได้พบกับพระองค์ อัลลอห์ และเมื่อผู้ปฏิเสธได้ถึงทางแห่งความตาย เขาจะถูกแจ้งข่าวดีด้วยกับความพิโรธของพระองค์ อัลลอห์ ดังนั้น จึงไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เขาทุกข์ใจ ยิ่งไปกว่าการได้พบกับพระองค์ อัลลอห์"


        ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! พวกท่านจงตระเตรียมเสบียงไว้ก่อนความตายเถิด ด้วยการรีบทำความดีก่อนที่ความตายจะมาเยือน ละหมาดห้าเวลาท่านปฏิบัติครบแล้วหรือยัง ? ซึ่งถ้าหากยังไม่ครบท่านจงเตาบัตเถิด กลับเนื้อกลับตัว เพราะหลังจากที่ท่านได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น ท่านก็จะไม่สามารถอุทธรณ์ ขอแก้ตัวได้อีกแล้ว และการที่พระองค์ อัลลอห์ ทรงให้เรามีชีวิตอยู่ในขณะนี้นั้น เพราะพระองค์ทรงเปิดโอกาสให้เราได้แก้ไขปรับปรุงตัวเองในการทำความดีต่อพระองค์ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปพบกับพระองค์


บุคคลที่ฉลาดคือ ผู้ซึ่งตรวจสอบตนเอง และประพฤติปฏิบัติ เพื่อชีวิตหลังความตาย

และบุคคลที่โง่เขลาคือ ผู้ซึ่งตามกิเลสตัณหาและหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะได้รับความโปรดปรานและความเมตตาจากพระองค์ 


เราไม่รู้เวลาตาย เราไม่รู้สถานที่ตาย เราไม่สามารถต่อสู้เอาชนะความตายได้ ดังนั้นจงเตรียมพร้อม สำหรับความตาย ที่อยู่รอบตัวเรา



คุตบะห์วันศุกร์  ณ มัสยิดท่าอิฐ