สรุปประเด็นการใส่ร้ายและทำลายฮาดิษนบี
  จำนวนคนเข้าชม  6557

บทบาทและแนวทาง(มัสฮับ)ที่อันตราย

ในการทำลายอัล-กรุอานและอัล-หะดีษ  (4)


โดย ...สุดารัตน์ สาดและ


สรุปประเด็นการใส่ร้ายและทำลายฮาดิษนบีไว้ 3 ประการดังต่อไปนี้

1. ชีอะฮฺกล่าวว่าซอฮาบะฮฺทั้งหมดไม่ใช่ชาวสวรรค์และกล่าวต่อไปว่าซอฮาบะฮฺคือคนที่ทันกับนบี

2. อะฮฺลุ้ลบัยต์เป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากมลทิน

3. ภรรยานบี ไม่ใช่อะฮฺลุลบัยต์


ประการแรก

         การที่ชีอะฮฺให้คำนิยามซอฮาบะฮฺว่า คือคนที่ทันกับนบี เท่ากับว่ากลุ่มนี้กำลังสร้างความสับสนแก่ผู้ที่กำลังศึกษา เพราะอิสลามสอนว่าซอฮาบะฮฺคือคนที่ทันกับนบี เคยเจอกับนบี และตายในสภาพที่เป็นมุสลิม แต่ชีอะฮฺบอกว่าซอฮาบะฮฺคือคนที่ทันกับนบี ก็เพียงที่จะลากยาวต่อไปว่าหากใช้ตรรกะว่าเมื่อแค่เกิดทันกับนบีก็เป็นซอฮาบะฮฺแล้ว ดังนั้นมุชริกก็ใช่ซอฮาบะฮฺ กาเฟรก็ใช่ซอฮาบะฮฺ ดังนั้นที่บอกว่าซอฮาบะฮฺคือชาวสวรรค์ก็ไม่ใช่ความจริง !

ซึ่งหากเราหลงประเด็นไปตามชีอะฮฺ ก็จะทำให้เราสงสัยทันทีว่าซอฮาบะฮฺคือใคร ? ใช่ชาวสววรค์หรือไม่ใช่ ? ซอฮาบะฮฺคือคนที่ปกป้องศาสนาหรือไม่ ? ยิ่งเกิดเหตุการณ์พฤหัสวิปโยค ก็เข้าทางชีอะฮฺอย่างเต็มประตู ประกอบกับฮาดิษที่บอกว่า สหายของ นบีบางส่วนเป็นชาวนรก บวกกับอายะฮฺแรกของซูเราะฮฺมูนาฟิกด้วยที่ว่า

 

“เมื่อพวกสับปลับ (มุนาฟินกูน) มาหาเจ้า พวกเขากล่าวว่า เราขอปฏิญาณว่า แท้จริงท่านเป็นรอซูลของอัลลอฮฺ

แต่อัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่งว่า แท้จริงเจ้านั้นเป็นรอซูลของพระองค์อย่างแน่นอน

และอัลลอฮฺทรงเป็นพยานว่า แท้จริงพวกมุนาฟิกีนนั้นเป็นผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน

 (อัลมุนาฟิกูน อายะฮฺที่ 1)

          ในคำอรรถาธิบายของอัลกุรอานความหมายภาษาไทยของสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับได้อธิบาย อายะฮฺนี้ไว้ว่า 'คือเมื่อพวกมุนาฟิกีน คืออับดุลลอฮฺ อิบนฺ อุบัยย์ และพรรคพวกของเขาได้กล่าวว่า พวกเขาขอปฏิญาณว่าแท้จริงท่านเป็นร่อซูลของอัลลอฮฺ ทั้งนี้เป็นแต่เพียงคำพูดมิได้กล่าวออกมาจากใจจริง อัลลอฮฺ ตะอาลา จึงตรัสว่า “แต่อัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่งว่าแท้จริงเจ้านั้นเป็นรอซูลของพระองค์อย่างแน่ นอน” ถึงแม้พวกมุนาฟิกีนจะยืนยันหรือไม่ยืนยันก็ตาม และอัลลอฮฺทรงเป็นพยานได้ว่าพวกมุนาฟิกีนนั้นเป็นผู้กล่าวเท็จในการกล่าว ปฏิญาณของพวกเขา'


         เราจะเห็นได้ว่า ตามคำอธิบายของอายะฮฺนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบรรดาซอฮาบะฮฺเลย เพราะอายะฮฺนี้กล่าวถึงมูนาฟิกูน แต่ชีอะฮฺกลับอธิบายว่าอายะฮฺนี้ยืนยันได้เลยว่า ซอฮาบะฮฺไม่ใช่ชาวสวรรค์ทั้งหมด อันเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของซอฮาบะฮฺ เพราะเมื่อประกาศสถานะว่าซอฮาบะฮฺเป็นเป็นมูนาฟิก ตกมุรตัดแล้ว จึงทำให้การรายงานฮาดิษของซอฮาบะฮฺไม่มีค่าอะไรเลย เพราะเป็นฮาดิษที่มาจากคนกาเฟรจะใช้ได้อย่างไร มันต้องเป็นฮาดิษที่อ่อนและปลอม ทำให้ฮาดิษที่รายงานโดยซอฮาบะฮฺนั้นเป็นฮาดิษที่ใช้ไม่ได้โดยอัตโนมัติ ด้วยสถานภาพของซอฮาบะฮฺที่ถูกชีอะฮฺตัดสินว่าตกมุรตัดไปแล้ว !


ประการที่สอง

         ประเด็นต่อมาการที่ชีอะฮฺอ้างถึงอายะที่บอกถึงความบริสุทธิ์ของอะฮฺลุ้ลบัยต์ที่ไม่ได้รวมภรรยาไปด้วยทำให้เหลือแต่อะฮฺลุ้ลบัยต์ที่เป็นผู้ชาย รวมถึงลูกสาวที่เป็นอะฮฺลุ้ลบัยต์ นั่นก็เท่ากับว่าคนอื่น ๆ ที่เป็นภรรยานบี ก็ไม่บริสุทธิ์

ชีอะฮฺจึงรับฮาดิษที่มาจากสายรายงานเดียวคือสายรายงานที่มาจากอะฮฺลุ้ลบัยต์นับตั้งแต่อาลีเป็นต้นมา และจะจบที่อิมามคนที่ 6 คือ อบูญะฟัร การที่ยึดเอาอายะฮฺดังกล่าว ทำให้ชีอะฮฺเชื่อว่าสิ่งที่อิมามพูดก็เป็นฮาดิษ แม้รายงานจะไม่สามารถสืบสายไปถึงนบี  เนื่องจากอะฮฺลุ้ลบัยต์คือผู้บริสุทธิ์ และแน่นอนถ้าอาลีจะพูดก็ต้องมาจากนบี  และถ้าท่านฮาซัน-ฮุเซนพูดก็ต้องมาจากท่านอาลี และจะสืบทอดต่อ ๆ กันมา และการอ้างแบบนี้ทำให้การปฏิเสธฮาดิษที่มาจากซอฮาบะฮฺมีน้ำหนักมากขึ้น การที่อ้างว่ามีอัลกุรอานที่อยู่กับอิมามก็ทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น เพราะอิมามเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งได้รับการยืนยันจากอัลลอฮฺแล้ว


ประการที่สาม

          ประเด็นต่อมาคือการที่ไม่รวมเอาภรรยานบี เป็นอะฮฺลุ้ลบัยต์ก็ทำให้การรายงานฮาดิษของท่านหญิงที่เป็นภรรยานบี ไม่มีน้ำหนักแต่อย่างใด เนื่องจากไม่ใช่คนบริสุทธิ์เสมือนซอฮาบียะฮฺทั่วไป ยังมีอัตราการเป็นชาวนรกอยู่ การที่ชีอะฮฺตัดสินสถานภาพซอฮาบะฮฺว่าเป็นชาวนรก ก็เพื่อที่จะปฏิเสธฮาดิษที่มาจากซอฮาบะฮฺเนื่องจากไม่ต้องการแนวทางนั้น โดยเฉพาะเรื่องที่กิเลสของมนุษย์ต้องการ เช่น การทำมุตอะฮฺ อีกทั้งยังเป็นการสานต่อแนวคิดของหนุ่มเชื้อสายยิวดังที่กล่าวมาแล้วตั้งแต่ต้น โดยมีอับดุลลอฮฺ บินสะบะอฺ เป็นคนเริ่มแพร่แนวคิดนี้ เพื่อทำลายแนวทางอันบริสุทธิ์แห่งอัลอิสลาม